วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552
วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552
วันเกิดแม่
ก่อนวันเกิดของแม่...
ประมาณ 4 วันก่อนหน้านี้ แม่ได้โทรมาคุยนู่นนี่ตามปกติ
แล้วจู่ๆ แม่ก็ถามว่า "รู้มั้ย? วันศุกร์นี้คือวันอะไร"
แอนก็เปิดปฏิทินดูแล้วตอบว่า "ก็วันเกิดแม่ไงคะ"
แม่ก็ชมที่จำวันเกิดแม่ได้ แล้วเล่าต่อว่า...
วันนี้พาร์ค (น้องคนกลาง) โทรมาเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง
แล้วก็บอกว่านี่ใกล้วันเกิดเพื่อนแล้ว
แล้วจะไปฉลองกันที่นู่นนี่นั่น
แม่ก็เลยแกล้งถามน้องไปว่า...
'รู้มั้ย? วันศุกร์นี้คือวันอะไร'
น้องก็ตอบแค่ว่า 'ก็วันศุกร์ไง'
แม่เลยว่าน้องไปว่า...
'ทีวันเกิดเพื่อนน่ะจำได้ไม่มีลืมที่จะซื้อของขวัญ เลี้ยงฉลองให้
แต่พอทีวันเกิดของแม่บังเกิดเกล้าของตัวเองนี่ทำไมถึงจำไม่ได้'!!
วัยรุ่นส่วนใหญ่ วันสำคัญมักมีให้กับเพื่อนและแฟนเสมอ
และใส่ใจกับวันสำคัญของคนอื่นมากกว่าที่จะใส่ใจคนใกล้ชิดที่สุด
ซึ่งนั่นไม่ดีเลย เพราะคนที่สำคัญที่สุดกลับไม่ได้อยู่ในวันสำคัญต่างๆ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นวันสำคัญอะไร แอนมักเลือกอยู่กับที่บ้านก่อนเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นปีใหม่ สงกรานต์ วันเกิด คริสมาสต์ ฯลฯ
เพราะแอนถือว่า วันเหล่านั้นควรมอบให้กับผู้กำเนิดมากกว่า
ประมาณ 4 วันก่อนหน้านี้ แม่ได้โทรมาคุยนู่นนี่ตามปกติ
แล้วจู่ๆ แม่ก็ถามว่า "รู้มั้ย? วันศุกร์นี้คือวันอะไร"
แอนก็เปิดปฏิทินดูแล้วตอบว่า "ก็วันเกิดแม่ไงคะ"
แม่ก็ชมที่จำวันเกิดแม่ได้ แล้วเล่าต่อว่า...
วันนี้พาร์ค (น้องคนกลาง) โทรมาเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง
แล้วก็บอกว่านี่ใกล้วันเกิดเพื่อนแล้ว
แล้วจะไปฉลองกันที่นู่นนี่นั่น
แม่ก็เลยแกล้งถามน้องไปว่า...
'รู้มั้ย? วันศุกร์นี้คือวันอะไร'
น้องก็ตอบแค่ว่า 'ก็วันศุกร์ไง'
แม่เลยว่าน้องไปว่า...
'ทีวันเกิดเพื่อนน่ะจำได้ไม่มีลืมที่จะซื้อของขวัญ เลี้ยงฉลองให้
แต่พอทีวันเกิดของแม่บังเกิดเกล้าของตัวเองนี่ทำไมถึงจำไม่ได้'!!
วัยรุ่นส่วนใหญ่ วันสำคัญมักมีให้กับเพื่อนและแฟนเสมอ
และใส่ใจกับวันสำคัญของคนอื่นมากกว่าที่จะใส่ใจคนใกล้ชิดที่สุด
ซึ่งนั่นไม่ดีเลย เพราะคนที่สำคัญที่สุดกลับไม่ได้อยู่ในวันสำคัญต่างๆ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นวันสำคัญอะไร แอนมักเลือกอยู่กับที่บ้านก่อนเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นปีใหม่ สงกรานต์ วันเกิด คริสมาสต์ ฯลฯ
เพราะแอนถือว่า วันเหล่านั้นควรมอบให้กับผู้กำเนิดมากกว่า
วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552
หัวใจเปลี่ยนไป
มีชายใจดีคนหนึ่งเข้ารอรับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
เขาเป็นคนใจดีมาก และทุกคนก็รับเขา
วันหนึ่งชายใจดีได้รับข่าวดี ว่าเขาสามารถผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้แล้ว
แต่ชายใจดีไม่รู้หรอกว่า ใครเป็นผู้บริจาคหัวใจให้เขา
ต่อมา...หลังจากชายใจดีออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ได้เกิดเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้นในหมู่บ้านของชายใจดี
ทุกคนต่างฮือฮากันเมื่อคนร้ายที่ถูกจับได้ คือชายใจดีที่สุดในหมูบ้าน
ปรากฏว่าหัวใจที่ถูกเอามาเปลี่ยน
เป็นหัวใจของฆาตกรต่อเนื่องของหมู่บ้านข้างๆ
เพราะเหตุนี้...ชายใจดีจึงต้องถูกโทษประหาร
และได้รับคำประนามจากผู้คนในหมู่บ้านที่เขารัก
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสะเทือนใจเล็กๆ
คนธรรมดาอย่างแอนอ่านแล้วก็รู้สึกสงสารชายใจดี
แต่ถ้าในมุมมองกลับกัน...
หากคนที่ได้อ่านเรื่องนี้คือคนที่รอรับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจล่ะ?
เขาจะรู้สึกอย่างไร?
บางทีคนเขียนเรื่องเล่าอะไรออกมา ก็ไม่ได้คำนึงถึงผู้อ่านที่อาจจะตกอยู่ในสภาวะเดียวกันกับตัวละครในเรื่องนั้นๆเลย
เหมือนคนทุกวันนี้...
ที่เอาแต่ใส่ใจเนื้อเรื่องของตัวเอง จนละเลยเนื้อเรื่องของคนอื่นไป
การเอาใจเขาใส่ใจเรา มันเป็นเรื่องที่สำคัญ
เพราะความผูกพันธ์มันบอบบาง มีอะไรกระทบนิดหน่อยก็ขาดผึงได้แล้ว
เขาเป็นคนใจดีมาก และทุกคนก็รับเขา
วันหนึ่งชายใจดีได้รับข่าวดี ว่าเขาสามารถผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้แล้ว
แต่ชายใจดีไม่รู้หรอกว่า ใครเป็นผู้บริจาคหัวใจให้เขา
ต่อมา...หลังจากชายใจดีออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ได้เกิดเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้นในหมู่บ้านของชายใจดี
ทุกคนต่างฮือฮากันเมื่อคนร้ายที่ถูกจับได้ คือชายใจดีที่สุดในหมูบ้าน
ปรากฏว่าหัวใจที่ถูกเอามาเปลี่ยน
เป็นหัวใจของฆาตกรต่อเนื่องของหมู่บ้านข้างๆ
เพราะเหตุนี้...ชายใจดีจึงต้องถูกโทษประหาร
และได้รับคำประนามจากผู้คนในหมู่บ้านที่เขารัก
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสะเทือนใจเล็กๆ
คนธรรมดาอย่างแอนอ่านแล้วก็รู้สึกสงสารชายใจดี
แต่ถ้าในมุมมองกลับกัน...
หากคนที่ได้อ่านเรื่องนี้คือคนที่รอรับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจล่ะ?
เขาจะรู้สึกอย่างไร?
บางทีคนเขียนเรื่องเล่าอะไรออกมา ก็ไม่ได้คำนึงถึงผู้อ่านที่อาจจะตกอยู่ในสภาวะเดียวกันกับตัวละครในเรื่องนั้นๆเลย
เหมือนคนทุกวันนี้...
ที่เอาแต่ใส่ใจเนื้อเรื่องของตัวเอง จนละเลยเนื้อเรื่องของคนอื่นไป
การเอาใจเขาใส่ใจเรา มันเป็นเรื่องที่สำคัญ
เพราะความผูกพันธ์มันบอบบาง มีอะไรกระทบนิดหน่อยก็ขาดผึงได้แล้ว
วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552
การพนัน
การพนันเป็นสิ่งไม่ดี !
รู้ทั้งรู้แต่ทำไมยังอยากจะพนัน?
การพนันคือดวง
การพนันคือการโกง
ไม่เฮงจริงก็โดนกินเรียบ...
แต่ 'ความโลภ' ก็ทำให้เราหลงเข้าไปสู่ทางนั้น
มีปีนึงครอบครัวแอนและเพื่อนแม่อีก 4 ครอบครัว
ได้ตกลงไปเที่ยวปอยเป็ดกัน แล้วข้ามไปยังเขมร
เชื่อไหม? บริเวณทางเข้ามีคนรอทำเรื่องเข้าเขมรอยู่เยอะมาก
จนแอนยังตกใจเลย เพราะส่วนตัวแล้ว ในตอนนั้นคิดว่าเขมรเป็นประเทศ
ที่ยังไม่ค่อยพัฒนาซักเท่าไหร่ คงเหมือนๆพวกชาวเขาของไทยเรา
ยิ่งเห็นขอทานเดินแบมือขอเงินตามท้องถนนเป็นจำนวนมากด้วยแล้ว
แอนก็ยิ่งคิดภาพเขมรในแง่ลบเข้าไปใหญ่
แต่สุดท้ายแอนก็คิดผิด !
เพราะตั้งแต่นั่งรถตู้แล้วถูกพาเข้าไปยังบริเวณคาสิโนแล้ว
เหมือนภาพขอทานที่พบตอนผ่านประตูเข้ามาหายไปในทันที
นี่มันเหมือนลาสเวกัสขนาดย่อมดีๆนี่เอง!!!
โรงแรมหรูเรียงรายกันเป็นแถบ
ยิ่งภายในตัวโรงแรมด้วยแล้ว...ระดับ 5 ดาวไม่มีผิด!!
ค่าพักคืนละ 20,000 บาท แต่เราจะได้เป็นชิพตาย
เพื่อเอาไปเล่นในบ่อน หากเล่นได้ก็เหมือนมาพักฟรี กินฟรี
(ทางโรงแรมที่แอนไปพักกินฟรีได้ 24 ชม)
ดังนั้นเมื่อถึงห้องพักกันแล้ว บรรดาพ่อแม่ก็พากันเข้าบ่อนไป
ส่วนเด็กๆก็จะเล่นกันเอง หรือไม่ก็ไปนั่งเล่นพนันแบบหยอดตู้กัน
แอนไปนั่งโยกสล๊อตแมชชีนกับน้องคนเล็ก
ส่วนน้องคนกลางไปนั่งเล่นแทงม้ากับลูกเพื่อนแม่อีก 3-4 คน
ส่วนเด็กเล็กก็ไปนั่งเล่นเกมเซ็นเตอร์ แต่มีผู้ใหญ่คอยดูแลอยู่คนนึง
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง...
เงินในกระเป๋าแอนกับน้องคนเล็กกลายเป็น 0 ในพริบตา
ส่วนน้องคนกลางยังคงเล่นแทงม้าแบบหยอดเหรียญอยู่
แอนกับน้องคนเล็กเลยไปนั่งดูคนอื่นเล่นพนันแบบอื่นๆกัน
1 ชั่วโมงต่อมา...
น้องคนกลางก็หมดตูดเดินมาหา แล้วเล่าให้ฟังว่า
'ตอนแรกเล่นจากเงิน 200 เป็น 500 แล้ว แต่เพราะอยากได้อีกเลยเล่นต่อ'
สุดท้าย...ก็หมด!!
ต่างจากลูกเพื่อนแม่อีก 2 คน เป็นคู่พี่น้องผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าแอน
เค้านั่งเล่นอยู่อีกฟากของน้องแอน จำนวนเงินเริ่มเล่นเท่ากัน
แต่พอตอนหมดเหมือนเฮงจริง แทงตัวอ่อนสุด แล้วตัวอ่อนสุดดันชนะ
ได้เงินทีห้าร้อยกว่าบาท !!!! แล้วพอ! ไม่เล่นต่อ...
ทำให้แอนคิดได้ว่า คนเราล้วนมี 'ความโลภ' เหมือนกันหมด
ตอนแอนนั่งโยกสล๊อต แอนก็ไม่คิดอะไรอื่นนอกจากอยากได้เงิน
แม้ทุกครั้งที่โยก เรามักจะเสียเงินตาละ 20 แทนที่จะได้
ถ้าตอนนั้นแอนคิดได้ แล้วหยุด! แอนก็คงไม่เสียตังค์จนหมด
แต่เมื่ออยู่ตอนนั้น เมื่อรู้ตัว แอนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะ 'หยุด' หรือเปล่า?
รู้ทั้งรู้แต่ทำไมยังอยากจะพนัน?
การพนันคือดวง
การพนันคือการโกง
ไม่เฮงจริงก็โดนกินเรียบ...
แต่ 'ความโลภ' ก็ทำให้เราหลงเข้าไปสู่ทางนั้น
มีปีนึงครอบครัวแอนและเพื่อนแม่อีก 4 ครอบครัว
ได้ตกลงไปเที่ยวปอยเป็ดกัน แล้วข้ามไปยังเขมร
เชื่อไหม? บริเวณทางเข้ามีคนรอทำเรื่องเข้าเขมรอยู่เยอะมาก
จนแอนยังตกใจเลย เพราะส่วนตัวแล้ว ในตอนนั้นคิดว่าเขมรเป็นประเทศ
ที่ยังไม่ค่อยพัฒนาซักเท่าไหร่ คงเหมือนๆพวกชาวเขาของไทยเรา
ยิ่งเห็นขอทานเดินแบมือขอเงินตามท้องถนนเป็นจำนวนมากด้วยแล้ว
แอนก็ยิ่งคิดภาพเขมรในแง่ลบเข้าไปใหญ่
แต่สุดท้ายแอนก็คิดผิด !
เพราะตั้งแต่นั่งรถตู้แล้วถูกพาเข้าไปยังบริเวณคาสิโนแล้ว
เหมือนภาพขอทานที่พบตอนผ่านประตูเข้ามาหายไปในทันที
นี่มันเหมือนลาสเวกัสขนาดย่อมดีๆนี่เอง!!!
โรงแรมหรูเรียงรายกันเป็นแถบ
ยิ่งภายในตัวโรงแรมด้วยแล้ว...ระดับ 5 ดาวไม่มีผิด!!
ค่าพักคืนละ 20,000 บาท แต่เราจะได้เป็นชิพตาย
เพื่อเอาไปเล่นในบ่อน หากเล่นได้ก็เหมือนมาพักฟรี กินฟรี
(ทางโรงแรมที่แอนไปพักกินฟรีได้ 24 ชม)
ดังนั้นเมื่อถึงห้องพักกันแล้ว บรรดาพ่อแม่ก็พากันเข้าบ่อนไป
ส่วนเด็กๆก็จะเล่นกันเอง หรือไม่ก็ไปนั่งเล่นพนันแบบหยอดตู้กัน
แอนไปนั่งโยกสล๊อตแมชชีนกับน้องคนเล็ก
ส่วนน้องคนกลางไปนั่งเล่นแทงม้ากับลูกเพื่อนแม่อีก 3-4 คน
ส่วนเด็กเล็กก็ไปนั่งเล่นเกมเซ็นเตอร์ แต่มีผู้ใหญ่คอยดูแลอยู่คนนึง
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง...
เงินในกระเป๋าแอนกับน้องคนเล็กกลายเป็น 0 ในพริบตา
ส่วนน้องคนกลางยังคงเล่นแทงม้าแบบหยอดเหรียญอยู่
แอนกับน้องคนเล็กเลยไปนั่งดูคนอื่นเล่นพนันแบบอื่นๆกัน
1 ชั่วโมงต่อมา...
น้องคนกลางก็หมดตูดเดินมาหา แล้วเล่าให้ฟังว่า
'ตอนแรกเล่นจากเงิน 200 เป็น 500 แล้ว แต่เพราะอยากได้อีกเลยเล่นต่อ'
สุดท้าย...ก็หมด!!
ต่างจากลูกเพื่อนแม่อีก 2 คน เป็นคู่พี่น้องผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าแอน
เค้านั่งเล่นอยู่อีกฟากของน้องแอน จำนวนเงินเริ่มเล่นเท่ากัน
แต่พอตอนหมดเหมือนเฮงจริง แทงตัวอ่อนสุด แล้วตัวอ่อนสุดดันชนะ
ได้เงินทีห้าร้อยกว่าบาท !!!! แล้วพอ! ไม่เล่นต่อ...
ทำให้แอนคิดได้ว่า คนเราล้วนมี 'ความโลภ' เหมือนกันหมด
ตอนแอนนั่งโยกสล๊อต แอนก็ไม่คิดอะไรอื่นนอกจากอยากได้เงิน
แม้ทุกครั้งที่โยก เรามักจะเสียเงินตาละ 20 แทนที่จะได้
ถ้าตอนนั้นแอนคิดได้ แล้วหยุด! แอนก็คงไม่เสียตังค์จนหมด
แต่เมื่ออยู่ตอนนั้น เมื่อรู้ตัว แอนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะ 'หยุด' หรือเปล่า?
วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552
พูดอย่าง เข้าใจอย่าง
มีหลายครั้งเลยเหมือนกัน ที่เราพูดอย่าง แล้วคนอื่นเข้าใจไปอีกอย่าง
ไม่รู้ว่าเราพูดจากำกวมเอง หรือว่าคนที่เราพูดด้วยไม่เข้าใจกันแน่
การใช้ภาษาบางทีก็ดูง่ายๆ เพราะเป็นภาษาที่เราใช้มาตั้งแต่เกิด
แต่บางทีก็ดูมันซับซ้อนเหลือเกิน เวลาที่ใช้มันแล้วผิดพลาด
อาจเพราะมันจำกัดด้วยเรื่องของอายุ เพศ การศึกษา ที่อยู่ หรืออื่นๆก็แล้วแต่ด้วย จึงทำให้การสื่อสารบิดเบือนไปได้
ไม่รู้ว่าเราพูดจากำกวมเอง หรือว่าคนที่เราพูดด้วยไม่เข้าใจกันแน่
การใช้ภาษาบางทีก็ดูง่ายๆ เพราะเป็นภาษาที่เราใช้มาตั้งแต่เกิด
แต่บางทีก็ดูมันซับซ้อนเหลือเกิน เวลาที่ใช้มันแล้วผิดพลาด
อาจเพราะมันจำกัดด้วยเรื่องของอายุ เพศ การศึกษา ที่อยู่ หรืออื่นๆก็แล้วแต่ด้วย จึงทำให้การสื่อสารบิดเบือนไปได้
วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552
โฟม กับ พลาสติก
วันนี้ตอนเดินกลับหอก็แวะหาของกินก่อนขึ้นห้อง
พอดีเดินผ่านรถเข็นขายบรรดาหมูคู่กับข้าวเหนียว
เลยเลือกซื้อข้าวเหนียวหมูฝอยมา 1 กล่องมาทานเป็นข้าวเย็น
ตอนที่นั่งมองป้าเขาตักข้าวเหนียวและหมูฝอยใส่กล่องโฟม
ก็คิดแล้วว่า อาหารทุกอย่างถ้าซื้อกลับบ้านนี่ ยังไงก็หนีไม่พ้นโฟม กับถุงพลาสติกเลยจริงๆ
พอคิดมาถึงตอนนี้ ก็คิดต่อไปว่า ถุงขนม ขวดน้ำ แก้วน้ำ ทั้งหมดนี้ก็ทำจากถุงพลาสติกทั้งนั้น
เวลาซื้อขนม หรือของกิน เราไม่ได้คิดถึงเรื่องการทำลายหรอก
เราเพียงแค่ซื้อ กิน แล้วก็ทิ้ง ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าทิ้งแล้วขยะที่เกิดจากโฟม และพลาสติกเหล่านี้จะถูกย่อยสลายยังไง แล้วจะมีภัยต่อโลกหรือเปล่า
แต่จะหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ไปก็ทำได้ยากอีก
เพราะมันคือส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ที่ทุกวันเราต้องเจอ ต้องใช้
ในฐานะนักศึกษาออกแบบแล้ว ก็อยากให้มีการออกแบบอะไรสักอย่างเพื่อมาทดแทนส่วนตรงนี้จังเลย อย่างน้อยๆเป็นโฟม หรือพลาสติกที่ใช้แล้วย่อยสลายโดยไม่ทำลายธรรมชาติได้ก็ดี
พอดีเดินผ่านรถเข็นขายบรรดาหมูคู่กับข้าวเหนียว
เลยเลือกซื้อข้าวเหนียวหมูฝอยมา 1 กล่องมาทานเป็นข้าวเย็น
ตอนที่นั่งมองป้าเขาตักข้าวเหนียวและหมูฝอยใส่กล่องโฟม
ก็คิดแล้วว่า อาหารทุกอย่างถ้าซื้อกลับบ้านนี่ ยังไงก็หนีไม่พ้นโฟม กับถุงพลาสติกเลยจริงๆ
พอคิดมาถึงตอนนี้ ก็คิดต่อไปว่า ถุงขนม ขวดน้ำ แก้วน้ำ ทั้งหมดนี้ก็ทำจากถุงพลาสติกทั้งนั้น
เวลาซื้อขนม หรือของกิน เราไม่ได้คิดถึงเรื่องการทำลายหรอก
เราเพียงแค่ซื้อ กิน แล้วก็ทิ้ง ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าทิ้งแล้วขยะที่เกิดจากโฟม และพลาสติกเหล่านี้จะถูกย่อยสลายยังไง แล้วจะมีภัยต่อโลกหรือเปล่า
แต่จะหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ไปก็ทำได้ยากอีก
เพราะมันคือส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ที่ทุกวันเราต้องเจอ ต้องใช้
ในฐานะนักศึกษาออกแบบแล้ว ก็อยากให้มีการออกแบบอะไรสักอย่างเพื่อมาทดแทนส่วนตรงนี้จังเลย อย่างน้อยๆเป็นโฟม หรือพลาสติกที่ใช้แล้วย่อยสลายโดยไม่ทำลายธรรมชาติได้ก็ดี
วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ฉายา
ไม่ว่าจะเป็นตอนประถม มัธยม หรือแม้กระทั่งมหาลัย
เมื่อเปลี่ยนกลุ่มเพื่อน ฉายาของแต่ละที่ก็จะเปลี่ยนไป
ฉายา...มาจากอะไรล่ะ?
ฉายาก็คงมาจากความเป็นตัวเราที่คนอื่นมองเห็นล่ะมั้ง
คนอื่นเห็นเรามีนิสัย ลักษณะเด่นอะไร เขาก็จะเอามาตั้งเป็นฉายาให้
แล้วอย่างนี้มันดีไหมล่ะเนี่ย?
มันอาจจะดีตรงที่มันได้แสดงถึงความสนิทสนมในหมู่เพื่อน
แต่ก็มีคนจำพวกหนึ่ง ที่ถูกตั้งฉายาเพราะถูกล้อเลียนเหมือนกัน
สรุปก็คือ ฉายา มันจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่กับสถานภาพของผู้ถูกเรียก..?
ฉายาถือว่าเป็นแฟชั่นได้มั้ย?
แอนว่ามันคือ 1 ในแฟชั่นของหมู่วัยรุ่นเลยล่ะ
ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครขยันตั้งฉายากันให้ถ้วนหน้าอย่างนี้
แล้วถ้าทุกคนเอาแต่ใช้ฉายาเรียกกัน ชื่อเล่นก็คงน่าสงสารแย่
เมื่อเปลี่ยนกลุ่มเพื่อน ฉายาของแต่ละที่ก็จะเปลี่ยนไป
ฉายา...มาจากอะไรล่ะ?
ฉายาก็คงมาจากความเป็นตัวเราที่คนอื่นมองเห็นล่ะมั้ง
คนอื่นเห็นเรามีนิสัย ลักษณะเด่นอะไร เขาก็จะเอามาตั้งเป็นฉายาให้
แล้วอย่างนี้มันดีไหมล่ะเนี่ย?
มันอาจจะดีตรงที่มันได้แสดงถึงความสนิทสนมในหมู่เพื่อน
แต่ก็มีคนจำพวกหนึ่ง ที่ถูกตั้งฉายาเพราะถูกล้อเลียนเหมือนกัน
สรุปก็คือ ฉายา มันจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่กับสถานภาพของผู้ถูกเรียก..?
ฉายาถือว่าเป็นแฟชั่นได้มั้ย?
แอนว่ามันคือ 1 ในแฟชั่นของหมู่วัยรุ่นเลยล่ะ
ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครขยันตั้งฉายากันให้ถ้วนหน้าอย่างนี้
แล้วถ้าทุกคนเอาแต่ใช้ฉายาเรียกกัน ชื่อเล่นก็คงน่าสงสารแย่
วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ป่วยอีกแล้ว -*-
ร่างกายคนมันช่างเปราะบางนัก...
ตื่นเช้ามายังสบายดีอยู่แท้ๆ
แต่พอกินข้าวกลางวันเท่านั้นแหละ
อีก 1 ชั่วโมงต่อมา ถึงกับวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน
หลังจากนั้นก้อนอนทรมานทั้งวัน
อย่างว่า...
อนาคตมันไม่แน่นอนจริงๆ
ตื่นเช้ามายังสบายดีอยู่แท้ๆ
แต่พอกินข้าวกลางวันเท่านั้นแหละ
อีก 1 ชั่วโมงต่อมา ถึงกับวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน
หลังจากนั้นก้อนอนทรมานทั้งวัน
อย่างว่า...
อนาคตมันไม่แน่นอนจริงๆ
วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552
อิจฉาตัวเองในวัยเด็ก

'ไม่มีอะไรให้ทำ' เลยนอนเล่นได้ทั้งวัน
ยิ่งเติบโตขึ้น ก็ยิ่งรู้ว่าความเป็นเด็กมันสบายขนาดไหน
ยิ่งเติบโตขึ้น ก็ยิ่งรู้ว่าความเป็นเด็กมันสบายขนาดไหน
(ถ้าตัดเรื่องโดนพ่อแม่ดุว่าออกไปน่ะนะ)
'เป็นเด็กน่ะ สบายที่สุดแล้ว'
ทุกครั้งที่แม่พูดคำนี้ออกมา ตัวเราก็มักเถียงในใจว่ามัน 'ไม่จริง'
พอตอนนี้นั่งนึกย้อนกลับไป ก็อยากพูดกับแม่จังว่า 'ถูกต้องที่สุด'
แม่เคยเล่าเรื่องนึงให้ฟัง...เรื่องมีอยู่ว่า...
พระเจ้าได้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาบนโลก
พระเจ้าสร้างวัว ให้ทำงานบนโลก มอบอายุให้ 30 ปี
แต่เจ้าวัวกลับค้านว่า 30 ปีมันเยอะไป ขอแค่ 10 ปีก็พอ
พระเจ้าสร้างหมา ให้คอยเห่าเฝ้าบ้าน จำนวน 30 ปี
แต่เจ้าหมารีบบอกว่า มันมากไป เหลือแค่ 10 ปีก็พอ
พระเจ้าสร้างลิง ทำหน้าหลอกเด็กให้มีความสุข 30 ปี
แต่เจ้าลิงกลับขอมีชีวิตแค่ 10 ปีก็พอ
พระเจ้าสร้างคน วันๆไม่ต้องทำอะไร มอบอายุให้ 20 ปี
แต่คนขอร้องพระเจ้าว่า '20 ปีมันจะไปพออะไร เอาอย่างนี้ไหม? ในเมื่อวัว หมา และลิงคืนอายุให้ท่านคนละ 20 ปี ขอจำนวนอายุนั้นให้ข้า' พระเจ้าก็ตอบตกลง
ดังนั้นจึงทำให้คนเราเกิดมาแล้วสุขสบายอยู่ 20 ปีแรก
20 ปีต่อมาทำงานเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนวัว
20 ปีต่อมาคอยระวังความปลอดภัยของลูกๆเหมือนหมาเฝ้าบ้าน
และ 20 ปีต่อมา คอยทำหน้าตาหลอกลูกหลานให้มีความสุขเหมือนลิง
พระเจ้าได้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาบนโลก
พระเจ้าสร้างวัว ให้ทำงานบนโลก มอบอายุให้ 30 ปี
แต่เจ้าวัวกลับค้านว่า 30 ปีมันเยอะไป ขอแค่ 10 ปีก็พอ
พระเจ้าสร้างหมา ให้คอยเห่าเฝ้าบ้าน จำนวน 30 ปี
แต่เจ้าหมารีบบอกว่า มันมากไป เหลือแค่ 10 ปีก็พอ
พระเจ้าสร้างลิง ทำหน้าหลอกเด็กให้มีความสุข 30 ปี
แต่เจ้าลิงกลับขอมีชีวิตแค่ 10 ปีก็พอ
พระเจ้าสร้างคน วันๆไม่ต้องทำอะไร มอบอายุให้ 20 ปี
แต่คนขอร้องพระเจ้าว่า '20 ปีมันจะไปพออะไร เอาอย่างนี้ไหม? ในเมื่อวัว หมา และลิงคืนอายุให้ท่านคนละ 20 ปี ขอจำนวนอายุนั้นให้ข้า' พระเจ้าก็ตอบตกลง
ดังนั้นจึงทำให้คนเราเกิดมาแล้วสุขสบายอยู่ 20 ปีแรก
20 ปีต่อมาทำงานเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนวัว
20 ปีต่อมาคอยระวังความปลอดภัยของลูกๆเหมือนหมาเฝ้าบ้าน
และ 20 ปีต่อมา คอยทำหน้าตาหลอกลูกหลานให้มีความสุขเหมือนลิง
วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552
อะไรที่เรียกว่าสมบูรณ์
Perfect!!!
สมบูรณ์แบบ!!!
ยังไง? ตรงไหน? จริงหรือ?
2 คำนี้ใช้อะไรเป็นมาตรฐานในการวัด?
คำตอบก็คือ มาตรฐานของคนแต่ละคน
คนที่มีความรู้น้อย มองอะไรที่สวยหรูก็คงคิดว่านี่แหละ สมบูรณ์แบบ
แล้วคนที่มีความรู้เยอะล่ะ? เค้าจะหาความสมบูรณ์แบบได้จากไหน?
ยิ่งคนที่เก่งที่สุดในโลกแล้ว เค้าจะมองว่าโลกนี้เป็นอย่างไรกัน?
สมบูรณ์แบบ!!!
ยังไง? ตรงไหน? จริงหรือ?
2 คำนี้ใช้อะไรเป็นมาตรฐานในการวัด?
คำตอบก็คือ มาตรฐานของคนแต่ละคน
คนที่มีความรู้น้อย มองอะไรที่สวยหรูก็คงคิดว่านี่แหละ สมบูรณ์แบบ
แล้วคนที่มีความรู้เยอะล่ะ? เค้าจะหาความสมบูรณ์แบบได้จากไหน?
ยิ่งคนที่เก่งที่สุดในโลกแล้ว เค้าจะมองว่าโลกนี้เป็นอย่างไรกัน?
วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ภาษาวิบัติ
ใจ-จัย-จาย-ไจ
ใคร-คัย-คราย-ไค-ครัย
ทำไม-ทามมาย-ทัมมัย-ทะมัย
ฯลฯ
เนื่องจากภาษาไทยมีพยัญชนะ สระ และวรรยุกต์ เยอะเกินไปรึเปล่านะ คนไทยในสมัยนี้จึงได้เปลี่ยนแปลงคำให้ (ดูเหมือน) เข้ากับวัยรุ่นมากยิ่งขึ้น
สำหรับแอนแล้ว มันทำให้เหมือนกับเสียงพูดเสียมากกว่า
เพราะเสียงพูดมันสามารถบ่งบอกอารมณ์ของผู้พูดได้
แต่เวลาพิมพ์ลงไปในบอร์ดคอมเม้นท์ หรือแชทกัน
ผู้รับสารไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่า คนพิมพ์ พิมพ์มาด้วยอารมณ์แบบไหน
ดังนั้น จึงได้มีคำแสลงขึ้น เพื่อให้คนอ่านรับรู้ได้ถึงอารมณ์
เช่น คำว่า 'ขอบใจนะ' มันดูเหมือนแข็งๆไป
แต่ถ้าพิมพ์เป็น'ขอบใจน้า' ก็จะทำให้คำๆนั้นดูเบาลง และเป็นมิตร
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันก็ทำให้ภาษาวิบัติ
และเมื่อเวลาพิมพ์อะไรที่เป็นราชการ มันจะแย่ตรงที่เราติดภาษาวิบัติมาใช้
ใคร-คัย-คราย-ไค-ครัย
ทำไม-ทามมาย-ทัมมัย-ทะมัย
ฯลฯ
เนื่องจากภาษาไทยมีพยัญชนะ สระ และวรรยุกต์ เยอะเกินไปรึเปล่านะ คนไทยในสมัยนี้จึงได้เปลี่ยนแปลงคำให้ (ดูเหมือน) เข้ากับวัยรุ่นมากยิ่งขึ้น
สำหรับแอนแล้ว มันทำให้เหมือนกับเสียงพูดเสียมากกว่า
เพราะเสียงพูดมันสามารถบ่งบอกอารมณ์ของผู้พูดได้
แต่เวลาพิมพ์ลงไปในบอร์ดคอมเม้นท์ หรือแชทกัน
ผู้รับสารไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่า คนพิมพ์ พิมพ์มาด้วยอารมณ์แบบไหน
ดังนั้น จึงได้มีคำแสลงขึ้น เพื่อให้คนอ่านรับรู้ได้ถึงอารมณ์
เช่น คำว่า 'ขอบใจนะ' มันดูเหมือนแข็งๆไป
แต่ถ้าพิมพ์เป็น'ขอบใจน้า' ก็จะทำให้คำๆนั้นดูเบาลง และเป็นมิตร
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันก็ทำให้ภาษาวิบัติ
และเมื่อเวลาพิมพ์อะไรที่เป็นราชการ มันจะแย่ตรงที่เราติดภาษาวิบัติมาใช้
ชีวิตสบาย?

วันนี้นั่งคุยกับพี่ ว่า 'อยากใช้ชีวิตแบบไหน?'
แอนก็ตอบไปว่า 'อยากมีชีวตที่สุขสบาย'
ก็นั่นแหละ สุขสบายที่ว่า หมายถึงอะไรบ้าง?
แอนก็บอกไปอีกว่า...
ขอแค่มีข้าวกินอิ่ม
มีงานที่มั่นคง
มีบ้านในฝันซักหลัง
มีรถให้ขับไปไหนมาไหน
แล้วพอถึงวันหยุด ก็พักผ่อนให้เต็มที่
พอบอกไปทั้งหมดนี้ พี่ก็ถามมาต่อว่า...
แล้วทั้งหมดนั่น กว่าเราจะได้มา มันไม่เรียกว่า 'ลำบาก' หรอ?
อืมมม...จริง!!
คนเรามักคิดแค่ว่า อยากมีชีวิตที่สุขสบาย
แต่กว่าจะได้ความสุขสบายมา เราก็ต้องเจอกับความลำบาก!
คนเกิดมา ฐานะมีไม่เท่ากัน
เราแค่โชคดีที่มีกินมีใช้ ไม่ลำบากตั้งแต่เด็ก
แต่หนทางข้างหน้าหลังจากเรียนจบล่ะ?
เราก็ต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว
ไม่งั้นก็ 'ไม่มีกิน!'
แล้วอย่างนี้ เมื่อไหร่กันนะ ที่เราจะได้ 'มีชีวิตที่สุขสบาย' ตามที่ฝันไว้
แอนก็ตอบไปว่า 'อยากมีชีวตที่สุขสบาย'
ก็นั่นแหละ สุขสบายที่ว่า หมายถึงอะไรบ้าง?
แอนก็บอกไปอีกว่า...
ขอแค่มีข้าวกินอิ่ม
มีงานที่มั่นคง
มีบ้านในฝันซักหลัง
มีรถให้ขับไปไหนมาไหน
แล้วพอถึงวันหยุด ก็พักผ่อนให้เต็มที่
พอบอกไปทั้งหมดนี้ พี่ก็ถามมาต่อว่า...
แล้วทั้งหมดนั่น กว่าเราจะได้มา มันไม่เรียกว่า 'ลำบาก' หรอ?
อืมมม...จริง!!
คนเรามักคิดแค่ว่า อยากมีชีวิตที่สุขสบาย
แต่กว่าจะได้ความสุขสบายมา เราก็ต้องเจอกับความลำบาก!
คนเกิดมา ฐานะมีไม่เท่ากัน
เราแค่โชคดีที่มีกินมีใช้ ไม่ลำบากตั้งแต่เด็ก
แต่หนทางข้างหน้าหลังจากเรียนจบล่ะ?
เราก็ต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว
ไม่งั้นก็ 'ไม่มีกิน!'
แล้วอย่างนี้ เมื่อไหร่กันนะ ที่เราจะได้ 'มีชีวิตที่สุขสบาย' ตามที่ฝันไว้
วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552
สี
ดวง
ดวงผูกคู่กับคน
ดังนั้นการทำนายดวง จึงเกิดขึ้น
ถามว่า เชื่อเรื่องการทำนายดวงมั้ย?
ถ้าใครถาม ก็จะตอบว่า 50/50
แต่เวลาเสี่ยงเซียมซีแล้วได้ใบไม่ดี
ก็จะเอาวางไว้ที่เดิม แต่ถ้าได้ใบที่ดี
ก็จะเก็บติดตัวไว้ในกระเป๋าสตางค์
สุดท้ายตัวเราเองก็เป็นอีกคนหนึ่ง
ที่เก็บเรื่องดีเข้าตัว เรื่องชั่วไม่เก็บเข้า
ดังนั้นการทำนายดวง จึงเกิดขึ้น
ถามว่า เชื่อเรื่องการทำนายดวงมั้ย?
ถ้าใครถาม ก็จะตอบว่า 50/50
แต่เวลาเสี่ยงเซียมซีแล้วได้ใบไม่ดี
ก็จะเอาวางไว้ที่เดิม แต่ถ้าได้ใบที่ดี
ก็จะเก็บติดตัวไว้ในกระเป๋าสตางค์
สุดท้ายตัวเราเองก็เป็นอีกคนหนึ่ง
ที่เก็บเรื่องดีเข้าตัว เรื่องชั่วไม่เก็บเข้า
วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ในหัวเราคิดอะไรอยู่

ทุกคนล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง
นี่เป็นเรื่องจริงที่ไม่ว่าใครก็คงเห็นด้วย
ทุกคนมีฝันอันบรรเจิด
แต่ฝีมืออาจทำให้เราคว้าฝันนั้นไม่ถึง
แต่นั่น...มันก็เป็นเพียงข้ออ้างของเราเท่านั้นเอง...
คนเราเกิดมา หากไม่มีพรสวรรค์ แต่ก็ยังมีพรแสวง
แสวงหาความรู้เอง ฝึกฝนฝีมือเองได้ ถ้าคิดจะทำ
ในหัวของเราคิดอะไรอยู่...?
คิดที่จะใฝ่หาความรู้บ้างไหม
หรือแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปวันๆ
แล้วเวลาทำงาน
ในหัวของเราคิดอะไรอยู่...?
คิดงานเพื่อให้ตอบโจทย์ได้
หรือคิดทำงานเพื่อแค่ให้รอดพ้นตอนส่งงานไปได้
ความคิดมันสื่อออกมาผ่านการกระทำ..
นี่เป็นเรื่องจริงที่ไม่ว่าใครก็คงเห็นด้วย
ทุกคนมีฝันอันบรรเจิด
แต่ฝีมืออาจทำให้เราคว้าฝันนั้นไม่ถึง
แต่นั่น...มันก็เป็นเพียงข้ออ้างของเราเท่านั้นเอง...
คนเราเกิดมา หากไม่มีพรสวรรค์ แต่ก็ยังมีพรแสวง
แสวงหาความรู้เอง ฝึกฝนฝีมือเองได้ ถ้าคิดจะทำ
ในหัวของเราคิดอะไรอยู่...?
คิดที่จะใฝ่หาความรู้บ้างไหม
หรือแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปวันๆ
แล้วเวลาทำงาน
ในหัวของเราคิดอะไรอยู่...?
คิดงานเพื่อให้ตอบโจทย์ได้
หรือคิดทำงานเพื่อแค่ให้รอดพ้นตอนส่งงานไปได้
ความคิดมันสื่อออกมาผ่านการกระทำ..
อารมณ์ความรู้สึก
ว่ากันด้วยเรื่องอารมณ์ความรู้สึกแล้ว
เป็นอะไรที่เล่นด้วยยาก
เพราะต่างคนต่างแบบ ต่างความรู้สึกนึกคิด
จะไปบังคับให้คนอีกคนชอบหรือเกลียดแบบเดียวกับเรา ก็คงเป็นไปได้ยาก
ยิ่งเราเรียนออกแบบด้วยแล้ว
การใส่ความคิด และความรู้สึกของเราลงไปในงานมากเกินไป
ก็เป็นเหมือนกับดาบสองคม ที่จะฆ่าเราให้ตายคาที่ไปเลยตอน Present งาน หรืออีกด้านก็คือคนอื่นๆคล้อยตามและเห็นดีเห็นงามด้วย
แต่จากประสบการณ์ ดูท่าความเป็นไปได้อันหลังจะน้อยมากจริงๆ
เป็นอะไรที่เล่นด้วยยาก
เพราะต่างคนต่างแบบ ต่างความรู้สึกนึกคิด
จะไปบังคับให้คนอีกคนชอบหรือเกลียดแบบเดียวกับเรา ก็คงเป็นไปได้ยาก
ยิ่งเราเรียนออกแบบด้วยแล้ว
การใส่ความคิด และความรู้สึกของเราลงไปในงานมากเกินไป
ก็เป็นเหมือนกับดาบสองคม ที่จะฆ่าเราให้ตายคาที่ไปเลยตอน Present งาน หรืออีกด้านก็คือคนอื่นๆคล้อยตามและเห็นดีเห็นงามด้วย
แต่จากประสบการณ์ ดูท่าความเป็นไปได้อันหลังจะน้อยมากจริงๆ
รักแม่ทุกวัน

ทุกวันของเราคือวันของแม่
ทุกวันของแม่คือวันของ...?
1 ปี มี 365 วัน
ใน 365 วันนั้น มีวันแม่ 1 วัน
ซึ่งก็คือวันที่ 12 สิงหา
ทุกคนก็แห่กันบอกรักแม่ในวันนั้น
ทั้งๆที่แม่อยู่กับเราแทบจะทุกวันใน 365 วัน
ทำไมเราไม่เลือกที่จะแสดงความรักกับแม่ทุกวัน
แทนที่จะมาแสดงว่ารักแม่กันเหลือเกินเพียงแค่วันเดียว?
ก่อนจะออกจากบ้าน ยกมือไหว้แม่ บอกรักแม่ หอมแก้มแม่
กลับถึงบ้านเข้าไปกอดแม่ นวกไหล่ให้แม่
ก่อนนอน บอกรักแม่ บอกแม่ให้ฝันดี
จะดีแค่ไหนหากเราทำทั้งหมดนี้ให้ได้ในชีวิตประจำวัน
คนเป็นแม่ เพียงแค่ได้ยินคำว่ารักจากลูก
ก็ทำให้หัวใจชื่นบานไปทั้งวันแล้ว
ให้ทุกวันของแม่เหมือนวันของเรา
แล้วเราจะรู้ว่าความสุข มันอยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง
ทุกวันของแม่คือวันของ...?
1 ปี มี 365 วัน
ใน 365 วันนั้น มีวันแม่ 1 วัน
ซึ่งก็คือวันที่ 12 สิงหา
ทุกคนก็แห่กันบอกรักแม่ในวันนั้น
ทั้งๆที่แม่อยู่กับเราแทบจะทุกวันใน 365 วัน
ทำไมเราไม่เลือกที่จะแสดงความรักกับแม่ทุกวัน
แทนที่จะมาแสดงว่ารักแม่กันเหลือเกินเพียงแค่วันเดียว?
ก่อนจะออกจากบ้าน ยกมือไหว้แม่ บอกรักแม่ หอมแก้มแม่
กลับถึงบ้านเข้าไปกอดแม่ นวกไหล่ให้แม่
ก่อนนอน บอกรักแม่ บอกแม่ให้ฝันดี
จะดีแค่ไหนหากเราทำทั้งหมดนี้ให้ได้ในชีวิตประจำวัน
คนเป็นแม่ เพียงแค่ได้ยินคำว่ารักจากลูก
ก็ทำให้หัวใจชื่นบานไปทั้งวันแล้ว
ให้ทุกวันของแม่เหมือนวันของเรา
แล้วเราจะรู้ว่าความสุข มันอยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง
วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เกี่ยวโยง
ตัวอย่าง...
เบา = ไม่หนัก
บาง = โปร่งใส / ไม่หนา
แต่เวลาเอา 2 คำนี้มารวมกัน เรากลับได้ความหมายใหม่!!
ภาษาไทยหลายๆคำ เกิดจากการผสมคำเพื่อให้เกิดความหมายใหม่ โดยที่คำ 2 คำนั้นอาจจะมีความหมายใกล้เคียงกัน หรือไม่เกี่ยวข้องกันเลย
มองจากตรงนี้ ทำให้คิดได้ว่า...
หลายสิ่งที่ไม่เกี่ยวโยงกัน หากเราจัดระเบียบดีๆ
ก็สามารถนำมันมาเกี่ยวโยงกันได้
เบา = ไม่หนัก
บาง = โปร่งใส / ไม่หนา
แต่เวลาเอา 2 คำนี้มารวมกัน เรากลับได้ความหมายใหม่!!
ภาษาไทยหลายๆคำ เกิดจากการผสมคำเพื่อให้เกิดความหมายใหม่ โดยที่คำ 2 คำนั้นอาจจะมีความหมายใกล้เคียงกัน หรือไม่เกี่ยวข้องกันเลย
มองจากตรงนี้ ทำให้คิดได้ว่า...
หลายสิ่งที่ไม่เกี่ยวโยงกัน หากเราจัดระเบียบดีๆ
ก็สามารถนำมันมาเกี่ยวโยงกันได้
วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552
คำคม "ดี-เลว"
ดีต่อหน้า เลวลับหลัง
ทำดีไม่ได้ ทำชั่วล่ะถนัดนัก
เรื่องดีๆเอาใส่ตัว เรื่องชั่วๆเอาใส่คนอื่น
3 ประโยคก้อคงเกินพอ
ไม่เจอกับตัวคงไม่รู้สึกถึง 3 ประโยคข้างต้นนี้!!!
ทำดีไม่ได้ ทำชั่วล่ะถนัดนัก
เรื่องดีๆเอาใส่ตัว เรื่องชั่วๆเอาใส่คนอื่น
3 ประโยคก้อคงเกินพอ
ไม่เจอกับตัวคงไม่รู้สึกถึง 3 ประโยคข้างต้นนี้!!!
งงกับชีวิต
เคยรู้สึก งงๆ กับชีวิตตัวเองบ้างไหม?
ตื่นมาไม่รู้ว่าจะเริ่มจากทำอะไร
เลยต้องเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน
เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปอาบน้ำ
ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าเราใช้ชีวิตจากความเคยชินของชีวิตประจำวัน
ใช้ชีวิตเพราะเราได้วางแบบแผนการดำเนินชีวิตประจำไว้กันแน่!
มันเป็นเรื่องที่ฟังดูแล้วน่ากลัวนะ
เพราะถือว่าเราได้ปล่อยให้ชีวิตเราไหลไปพร้อมๆกับกาลเวลาง่ายๆ
เหมือนความเคยชินเป็นตัวพาเราไป ไม่ใช่ตัวเราเป็นคนพาชีวิตเราไป
แล้วถ้ามันเกิดขึ้นทุกวัน อะไรจะเกิดขึ้น
ตื่นมาไม่รู้ว่าจะเริ่มจากทำอะไร
เลยต้องเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน
เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปอาบน้ำ
ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าเราใช้ชีวิตจากความเคยชินของชีวิตประจำวัน
ใช้ชีวิตเพราะเราได้วางแบบแผนการดำเนินชีวิตประจำไว้กันแน่!
มันเป็นเรื่องที่ฟังดูแล้วน่ากลัวนะ
เพราะถือว่าเราได้ปล่อยให้ชีวิตเราไหลไปพร้อมๆกับกาลเวลาง่ายๆ
เหมือนความเคยชินเป็นตัวพาเราไป ไม่ใช่ตัวเราเป็นคนพาชีวิตเราไป
แล้วถ้ามันเกิดขึ้นทุกวัน อะไรจะเกิดขึ้น
ประเทศไทย
ตกลงตอนนี้ประเทศเรากำลังอยู่ในระบบการปกครองที่เรียกว่า...อะไรกันแน่?
ถ้าจะบอกว่าประเทศไทยยังคงใช้ระบบการปกครองแบบ "ประชาธิปไตย" อยู่ นั่นคงไม่ใช่คำตอบเสียแล้ว
ถ้าจะบอกว่าประเทศไทยยังคงใช้ระบบการปกครองแบบ "ประชาธิปไตย" อยู่ นั่นคงไม่ใช่คำตอบเสียแล้ว
ค่านิยมของผู้ปกครอง
สอบ...ต้องได้คะแนนดีๆ ไม่งั้นจะไม่มีงานทำ
เรียน...ต้องให้ได้เซอร์ ต้องได้เกียรตินิยม
มหาลัย...ต้องของรัฐ เอกชนมันพวกเอ็นฯไม่ติด
คณะ...คณะนู้นสิ คณะนี้สิ มีงานทำ ชัวร์!
เรียนจบ...3ปีครึ่ง หรือตามเกณฑ์เท่านั้น มากกว่านั้นถือว่าโง่!
ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงชอบคิดกันอย่างนี้?
การได้เรียนที่ดีๆ การเรียนได้คะแนนเยอะๆนั้น จะประสบความสำเร็จด้านชีวิตการงานได้จริงๆน่ะหรือ?
หากเรียนไม่เก่ง เข้ามหาลัยเอกชน ไม่ได้เกียรตินิยม ถือว่าเราล้มเหลวไปขั้นหนึ่งแล้วอย่างงั้นหรือ?
ไม่จริงหรอก....
เพราะส่วนตัวแล้ว แอนไม่คิดอย่างงั้นเลย
แน่นอนว่า เรียนเก่ง ยังไงก็ต้องดีกว่าคนเรียนไม่เก่ง
แต่เรียนเก่งแล้วใช้ชีวิตอยู่ได้แค่ภายใต้ของตำราเรียน
แล้วจะสามารถเรียนรู้ชีวิตของความเป็นคนได้อย่างไร?
คนเราไม่ใช่เครื่องจักร ที่เรียนรู้อยู่ได้เพียงภายใต้กฏเกณท์ของความรู้เท่านั้น
(งงล่ะสิ แอนก็งง แต่แอนรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ)
คนเรียนเก่งตกงานมีออกเยอะแยะไป
ในขณะที่คนเรียนไม่เก่งมีงานดีๆทำ ก็ถมเถไป
ค่าเกียรตินิยมจะมีค่าเท่าไหร่กันเมื่อเริ่ม start เงินเดือน
คำตอบคือ 200-500 บาท !!
แต่นี่แหละคือสิ่งที่ผู้ปกครองของใครหลายๆคนต้องการ
โดยที่พวกเขาคงไม่รู้เลยว่า มันสร้างแรงกดดันให้พวกเรามากน้อยแค่ไหน...
เรียน...ต้องให้ได้เซอร์ ต้องได้เกียรตินิยม
มหาลัย...ต้องของรัฐ เอกชนมันพวกเอ็นฯไม่ติด
คณะ...คณะนู้นสิ คณะนี้สิ มีงานทำ ชัวร์!
เรียนจบ...3ปีครึ่ง หรือตามเกณฑ์เท่านั้น มากกว่านั้นถือว่าโง่!
ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงชอบคิดกันอย่างนี้?
การได้เรียนที่ดีๆ การเรียนได้คะแนนเยอะๆนั้น จะประสบความสำเร็จด้านชีวิตการงานได้จริงๆน่ะหรือ?
หากเรียนไม่เก่ง เข้ามหาลัยเอกชน ไม่ได้เกียรตินิยม ถือว่าเราล้มเหลวไปขั้นหนึ่งแล้วอย่างงั้นหรือ?
ไม่จริงหรอก....
เพราะส่วนตัวแล้ว แอนไม่คิดอย่างงั้นเลย
แน่นอนว่า เรียนเก่ง ยังไงก็ต้องดีกว่าคนเรียนไม่เก่ง
แต่เรียนเก่งแล้วใช้ชีวิตอยู่ได้แค่ภายใต้ของตำราเรียน
แล้วจะสามารถเรียนรู้ชีวิตของความเป็นคนได้อย่างไร?
คนเราไม่ใช่เครื่องจักร ที่เรียนรู้อยู่ได้เพียงภายใต้กฏเกณท์ของความรู้เท่านั้น
(งงล่ะสิ แอนก็งง แต่แอนรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ)
คนเรียนเก่งตกงานมีออกเยอะแยะไป
ในขณะที่คนเรียนไม่เก่งมีงานดีๆทำ ก็ถมเถไป
ค่าเกียรตินิยมจะมีค่าเท่าไหร่กันเมื่อเริ่ม start เงินเดือน
คำตอบคือ 200-500 บาท !!
แต่นี่แหละคือสิ่งที่ผู้ปกครองของใครหลายๆคนต้องการ
โดยที่พวกเขาคงไม่รู้เลยว่า มันสร้างแรงกดดันให้พวกเรามากน้อยแค่ไหน...
1
เดือนใหม่! เหมือนเริ่มต้นนับ 1 ใหม่
หลายๆคนคงชอบคิดที่จะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ไปพร้อมๆกับเลข 1
ปีใหม่ 01/01/?? เริ่มต้นใหม่กับชีวิต
ขึ้นเดือนใหม่แล้ว ต้องปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น
ถึงวันจันทร์ เข้าอาทิตย์ใหม่แล้ว ต้องตั้งใจทำงาน
ทำไมถึงชอบคิดกันอย่างนี้ ทั้งๆที่ตั้งใจทำวันไหนก็ได้?
ว่าไปนั่น แต่ตัวแอนเองก็ยังชอบกับอะไรแบบนี้เสมอ
ทั้งๆที่มันก็เป็น 1 ในวันเดิมๆ ที่ซ้ำๆกันทุกๆปี
แต่เราก็ยังคงตื่นเต้นกับมัน
หลายๆคนคงชอบคิดที่จะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ไปพร้อมๆกับเลข 1
ปีใหม่ 01/01/?? เริ่มต้นใหม่กับชีวิต
ขึ้นเดือนใหม่แล้ว ต้องปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น
ถึงวันจันทร์ เข้าอาทิตย์ใหม่แล้ว ต้องตั้งใจทำงาน
ทำไมถึงชอบคิดกันอย่างนี้ ทั้งๆที่ตั้งใจทำวันไหนก็ได้?
ว่าไปนั่น แต่ตัวแอนเองก็ยังชอบกับอะไรแบบนี้เสมอ
ทั้งๆที่มันก็เป็น 1 ในวันเดิมๆ ที่ซ้ำๆกันทุกๆปี
แต่เราก็ยังคงตื่นเต้นกับมัน
วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
สิ้นเดือน
หมดไปอีกเดือนแล้ว...
แต่ชีวิตก็ยังคงวุ่นวายอยู่เหมือนๆเดิม
ถึงแม้จะเป็นช่วงหยุดสอบที่ไม่มีสอบเลยก็เถอะ
แต่ก็ยังมีงาน มีการบ้าน ที่ยังคงกองๆไว้ ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง
ซึ่งก็คงคาดเดาได้ไม่ยาก ว่าสุดท้ายคงได้ปั่นงานก่อนส่ง
แต่ก็ยังไม่กระตือรือร้นที่จะทำ...
สิ้นเดือน 7 แล้ว...
แต่ยังไม่พร้อมจะเริ่มต้นในเดือน 8 เลย
ทั้งๆที่อีกไม่กี่ชั่วโมงมันก็มาถึงแล้ว
การเตรียมพร้อมล่วงหน้า? ไม่มีอ่ะ
ไม่เคยวางแผนการชีวิต อยากทำอะไรค่อยทำ
...อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด...
ก็เพราะคิดซะแบบนี้แหละ มันถึงได้ไม่ขยัน
คิดเสียแต่ว่า 'ขอแค่เวลานี้ผ่านไปก็พอ'
เพราะอย่างนี้ เวลาถึงได้ไม่มีค่าสำหรับแอน
พยายามจะปรับปรุงตัวแล้ว แต่เหมือนมันเป็นจิตสำนึกที่ยากจะแก้ไขไปเสียแล้ว
เดือนใหม่ ควรได้เวลาเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ทำตัวเป็นคนใหม่เสียที
แต่ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ...ว่าจะทำได้สักกี่วัน...
แต่ชีวิตก็ยังคงวุ่นวายอยู่เหมือนๆเดิม
ถึงแม้จะเป็นช่วงหยุดสอบที่ไม่มีสอบเลยก็เถอะ
แต่ก็ยังมีงาน มีการบ้าน ที่ยังคงกองๆไว้ ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง
ซึ่งก็คงคาดเดาได้ไม่ยาก ว่าสุดท้ายคงได้ปั่นงานก่อนส่ง
แต่ก็ยังไม่กระตือรือร้นที่จะทำ...
สิ้นเดือน 7 แล้ว...
แต่ยังไม่พร้อมจะเริ่มต้นในเดือน 8 เลย
ทั้งๆที่อีกไม่กี่ชั่วโมงมันก็มาถึงแล้ว
การเตรียมพร้อมล่วงหน้า? ไม่มีอ่ะ
ไม่เคยวางแผนการชีวิต อยากทำอะไรค่อยทำ
...อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด...
ก็เพราะคิดซะแบบนี้แหละ มันถึงได้ไม่ขยัน
คิดเสียแต่ว่า 'ขอแค่เวลานี้ผ่านไปก็พอ'
เพราะอย่างนี้ เวลาถึงได้ไม่มีค่าสำหรับแอน
พยายามจะปรับปรุงตัวแล้ว แต่เหมือนมันเป็นจิตสำนึกที่ยากจะแก้ไขไปเสียแล้ว
เดือนใหม่ ควรได้เวลาเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ทำตัวเป็นคนใหม่เสียที
แต่ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ...ว่าจะทำได้สักกี่วัน...
ย้ายบ้าน
ย้ายบ้านอีกแล้ว...
สัมภาระเยอะแยะมากมายต้องถูกย้ายไปย้ายมาอีกแล้ว
บ้าน...
สำหรับทุกคนคืออะไร?
ที่พักพิงอาศัย หรือเรียกง่ายๆ ไว้ใช้ซุกหัวนอน...?
แค่นั้นหรือ??
ศัพท์ภาษาอังกฤษ ทำไมถึงมีคำว่า House กับ Home
แม้จะแปลว่า 'บ้าน' เหมือนกัน แต่ทำไมความหมายถึงได้แตกต่าง?
House = 'บ้าน' ที่พักอาศัย ไว้ใช้ซุกหัวนอน
Home = 'บ้าน' ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย อบอุ่น และมีความหมาย
ตอนนี้ที่ๆแอนอยู่ มันคือ House ไม่ผูกพันธ์ ไม่มีเยื่อใยใดๆทั้งสิ้น
แต่ที่นี่ มี Home ซึ่งก็คือพ่อ แม่ และน้องชาย
ถึงแม้การย้ายบ้านจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ
แต่ก็ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ไปอีกแบบ
และถึงแม้จะต้องย้ายบ้านบ่อยๆ ก็ไม่เป็นไร
เพราะไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ยังมี Home ซึ่งไปด้วยกัน
สัมภาระเยอะแยะมากมายต้องถูกย้ายไปย้ายมาอีกแล้ว
บ้าน...
สำหรับทุกคนคืออะไร?
ที่พักพิงอาศัย หรือเรียกง่ายๆ ไว้ใช้ซุกหัวนอน...?
แค่นั้นหรือ??
ศัพท์ภาษาอังกฤษ ทำไมถึงมีคำว่า House กับ Home
แม้จะแปลว่า 'บ้าน' เหมือนกัน แต่ทำไมความหมายถึงได้แตกต่าง?
House = 'บ้าน' ที่พักอาศัย ไว้ใช้ซุกหัวนอน
Home = 'บ้าน' ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย อบอุ่น และมีความหมาย
ตอนนี้ที่ๆแอนอยู่ มันคือ House ไม่ผูกพันธ์ ไม่มีเยื่อใยใดๆทั้งสิ้น
แต่ที่นี่ มี Home ซึ่งก็คือพ่อ แม่ และน้องชาย
ถึงแม้การย้ายบ้านจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ
แต่ก็ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ไปอีกแบบ
และถึงแม้จะต้องย้ายบ้านบ่อยๆ ก็ไม่เป็นไร
เพราะไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ยังมี Home ซึ่งไปด้วยกัน
ภาษา...
ไทย จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส ฯลฯ
ไม่ว่าจะชาติไหนๆ ต่างก็มีภาษาเป็นของตัวเอง
แต่จะดีแค่ไหน...หากเราพูดได้หลายๆภาษา
ยิ่งพูดได้เยอะ ก็เหมือนกับยิ่งเปิดโลกกว้างขึ้น
เพราะเราสามารถไปเปิดหูเปิดตายังประเทศต่างๆได้
แค่ประเทศไทย ประเทศเดียว มันไม่พอ...จริงไหม?
การเป็นนักออกแบบ ยิ่งได้ดูงานเยอะเท่าไหร่
ก็จะยิ่งมีประสบการณ์ ก็จะยิ่งคิดเก่ง
เพราะฉะนั้น แค่ประเทศไทย...มันไม่พอ...
ไม่ว่าจะชาติไหนๆ ต่างก็มีภาษาเป็นของตัวเอง
แต่จะดีแค่ไหน...หากเราพูดได้หลายๆภาษา
ยิ่งพูดได้เยอะ ก็เหมือนกับยิ่งเปิดโลกกว้างขึ้น
เพราะเราสามารถไปเปิดหูเปิดตายังประเทศต่างๆได้
แค่ประเทศไทย ประเทศเดียว มันไม่พอ...จริงไหม?
การเป็นนักออกแบบ ยิ่งได้ดูงานเยอะเท่าไหร่
ก็จะยิ่งมีประสบการณ์ ก็จะยิ่งคิดเก่ง
เพราะฉะนั้น แค่ประเทศไทย...มันไม่พอ...
Font
อาจารย์ที่คณะเคยถามในคลาสเกือบทุกคลาสว่า...
"จบจากที่นี่ไป คุณอยากจะทำงานอะไร?"
คำตอบเกี่ยวกับอาชีพที่อยากทำ แอนก้อตอบไปว่า...
แอนอยากทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับ FOnt และ CI
แล้วก็ต้องเจอคำบอกเล่าว่า...
'ทำ Font มันไม่รวยนะ เมืองไทยน่ะ'
ข้อนี้จะจริงจะเท็จก็ไม่รู้ เพราะตัวแอนเองยังไม่ได้ยืนอยู่ ณ จุดนั้น
แต่ถ้าคิดอีกแง่หนึ่ง ที่แอนอยากทำ Font
เพราะว่า ไม่ว่าจะเป็นงานไหนๆเกี่ยวกับงานออกแบบ
ทุกอย่างต้องมีการเอา Font เข้าไปเกี่ยวโยง
ถ้าจะเถียงว่าไม่จริง ก็คงเป็นไปไม่ได้
อย่างงานโฆษณา ก็ยังมีข้อความ
แล้วข้อความนั้นจะสวยหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับ FOnt
จะทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับ FOnt ถือเป็นคำตอบอย่างกว้างเลยก็ว่าได้
เพราะว่า Text มีอยู่ทุกที่
"จบจากที่นี่ไป คุณอยากจะทำงานอะไร?"
คำตอบเกี่ยวกับอาชีพที่อยากทำ แอนก้อตอบไปว่า...
แอนอยากทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับ FOnt และ CI
แล้วก็ต้องเจอคำบอกเล่าว่า...
'ทำ Font มันไม่รวยนะ เมืองไทยน่ะ'
ข้อนี้จะจริงจะเท็จก็ไม่รู้ เพราะตัวแอนเองยังไม่ได้ยืนอยู่ ณ จุดนั้น
แต่ถ้าคิดอีกแง่หนึ่ง ที่แอนอยากทำ Font
เพราะว่า ไม่ว่าจะเป็นงานไหนๆเกี่ยวกับงานออกแบบ
ทุกอย่างต้องมีการเอา Font เข้าไปเกี่ยวโยง
ถ้าจะเถียงว่าไม่จริง ก็คงเป็นไปไม่ได้
อย่างงานโฆษณา ก็ยังมีข้อความ
แล้วข้อความนั้นจะสวยหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับ FOnt
จะทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับ FOnt ถือเป็นคำตอบอย่างกว้างเลยก็ว่าได้
เพราะว่า Text มีอยู่ทุกที่
ยิ่งสบาย ยิ่งปล่อยปละ
ยิ่งมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมากเท่าไหร่
คนในสังคมก็ยิ่งเพิ่มพูนความขี้เกียจมากขึ้นเท่านั้น
อันนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องจริงอีกเรื่องที่พบเห็นมากเลยก็ว่าได้
คนในสังคมก็ยิ่งเพิ่มพูนความขี้เกียจมากขึ้นเท่านั้น
อันนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องจริงอีกเรื่องที่พบเห็นมากเลยก็ว่าได้
นิทาน
สิ่งเริ่มต้นความฝันของเด็กๆก็คงจะเริ่มต้นจากนิทานละมั้ง
เพราะตั้งแต่จำความได้ อย่างน้อยๆก็มีนิทานเรื่องเจ้าหญิงเงือก ซินเดอเรล่า สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด อยู่ในความทรงจำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นิทานจึงถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นจินตนาการในช่วงวัยเด็กของทุกๆคน
แล้วความฝัน กับจินตนาการ มีความสำคัญอย่างไร
แอนจึงได้หยิบมาเป็นประเด็นในครั้งนี้
สำหรับแอน
ความฝัน ทำให้เรามีแรงก้าวเดินไปข้างหน้า
เพราะถ้าไม่มีฝัน ชีวิตของคนเราก็จะย่ำอยู่กับที่
หรือไม่ก็ทำได้แค่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ
ส่วนจินตนาการ
ทำให้ชีวิตของแอนไม่น่าเบื่อ แล้วสร้างสรรค์ความฝันให้งดงามกว่าเดิม
เพราะตั้งแต่จำความได้ อย่างน้อยๆก็มีนิทานเรื่องเจ้าหญิงเงือก ซินเดอเรล่า สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด อยู่ในความทรงจำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นิทานจึงถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นจินตนาการในช่วงวัยเด็กของทุกๆคน
แล้วความฝัน กับจินตนาการ มีความสำคัญอย่างไร
แอนจึงได้หยิบมาเป็นประเด็นในครั้งนี้
สำหรับแอน
ความฝัน ทำให้เรามีแรงก้าวเดินไปข้างหน้า
เพราะถ้าไม่มีฝัน ชีวิตของคนเราก็จะย่ำอยู่กับที่
หรือไม่ก็ทำได้แค่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ
ส่วนจินตนาการ
ทำให้ชีวิตของแอนไม่น่าเบื่อ แล้วสร้างสรรค์ความฝันให้งดงามกว่าเดิม
สีเสื้อ
มีเสื้อเหลือง
มีเสื้อแดง
มีเสื้อน้ำเงิน
ต่อมาจะมีเสื้ออะไรอีกคะ?
แล้วถ้ามันมีครบทุกสีเลย ต่อไปเราจะใส่เสื้อสีอะไรออกจากบ้านล่ะเนี่ย
มีเสื้อแดง
มีเสื้อน้ำเงิน
ต่อมาจะมีเสื้ออะไรอีกคะ?
แล้วถ้ามันมีครบทุกสีเลย ต่อไปเราจะใส่เสื้อสีอะไรออกจากบ้านล่ะเนี่ย
อิกะ

ข้าวปั้นหน้าปลาหมึก อีก 1 รายการที่ไม่ควรพลาดที่ร้านอาหารฟูจิ
ทุกครั้งที่แอนไป อย่างน้อยต้องสั่งแล้ว 2 ที่ 4 คำ
ครั้งแรกที่ได้กิน จำได้ว่ายิ้มเปรมไปกับรสชาติของมันเลยทีเดียว
ก็เพราะไม่เคยเจอ เนื้อปลาหมึกที่เหมือนละลายในปากน่ะสิ!
โหย แค่นึกถึงก็อยากไปกินอีกซะแล้ว
และจากเจ้าอิกะนี่แหละ ที่ทำให้แอนรู้เลยว่า...
การได้กินอาหารอร่อย รสชาติถูกปาก คือกำไรเล็กๆของชีวิต
ญี่ปุ่น

วันนี้ได้รับของฝากจากญี่ปุ่นจากพี่สาวของพ่อมา 3 อย่าง
หนึ่ง คือ ร่ม
สอง คือ ขนมโมจิไส้ชาเขียว
สาม คือ ขนมของฝากกล่องใหญ่
ร่ม สีดำคันเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพา
แต่เชื่อไหม...ว่าเหมาะแก่การกันแดดมากกว่ากันฝน
เพราะความบางของร่ม เวลาเจอลมฝนทีแทบหักเลยทีเดียว
แต่น่าแปลกตรงที่ เวลาฝนตก เราก็ยังเลือกหยิบร่มคันนี้มากาง
ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้คนทั่วไปจะเป็นเหมือนแอนหรือเปล่าก็ไม่รู้
ที่เน้นเรื่องดีไซน์ แทนที่จะเป็นเรื่องฟังก์ชันการใช้งาน!
ขนม แพคเกจญี่ปุ่นเป็นอะไรที่แบบ...ดูเรียบง่ายนะ แต่สวย!
น่าทึ่งมาก ที่กล่องชนมของญี่ปุ่นจะถูกออกแบบมาโดยเป็นอย่างดี
เหมือนคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเรื่องกราฟฟิคมาก
นี่ถ้าประเทศไทยใส่ใจ แล้วให้ความสำคัญกับกราฟิคบนสินค้าของฝากแบบประเทศญี่ปุ่นบ้าง ก็คงจะเพิ่มยอดการขายได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว!
หนึ่ง คือ ร่ม
สอง คือ ขนมโมจิไส้ชาเขียว
สาม คือ ขนมของฝากกล่องใหญ่
ร่ม สีดำคันเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพา
แต่เชื่อไหม...ว่าเหมาะแก่การกันแดดมากกว่ากันฝน
เพราะความบางของร่ม เวลาเจอลมฝนทีแทบหักเลยทีเดียว
แต่น่าแปลกตรงที่ เวลาฝนตก เราก็ยังเลือกหยิบร่มคันนี้มากาง
ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้คนทั่วไปจะเป็นเหมือนแอนหรือเปล่าก็ไม่รู้
ที่เน้นเรื่องดีไซน์ แทนที่จะเป็นเรื่องฟังก์ชันการใช้งาน!
ขนม แพคเกจญี่ปุ่นเป็นอะไรที่แบบ...ดูเรียบง่ายนะ แต่สวย!
น่าทึ่งมาก ที่กล่องชนมของญี่ปุ่นจะถูกออกแบบมาโดยเป็นอย่างดี
เหมือนคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเรื่องกราฟฟิคมาก
นี่ถ้าประเทศไทยใส่ใจ แล้วให้ความสำคัญกับกราฟิคบนสินค้าของฝากแบบประเทศญี่ปุ่นบ้าง ก็คงจะเพิ่มยอดการขายได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว!
สวดมนต์
ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ที่คนเราสวดมนต์ขอพรเทพยดา
มันก็ถือเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งที่ดี หากเรารู้จักพอดี
และจะไม่ดีหากเราตั้งความหวังมากเกินไป
เพราะการขอพร คือการขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ
ไม่ใช่บังคับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ทำตามที่เราประสงค์
มันก็ถือเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งที่ดี หากเรารู้จักพอดี
และจะไม่ดีหากเราตั้งความหวังมากเกินไป
เพราะการขอพร คือการขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ
ไม่ใช่บังคับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ทำตามที่เราประสงค์
เร่งรีบ
ทุกๆวันเป็นวันเร่งรีบ
แต่ความเร่งรีบของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน
แม่ของแอนเป็นคนเร่งรีบ
ในขณะที่คนอื่นๆในบ้านรวมทั้งตัวแอนเองเป็นคนเฉื่อยแฉะ
และจากเท่าที่เห็น จึงทำให้แอนคิดได้ว่า
ระดับความเร่งรีบของแต่ละคนมันไม่เท่ากันจริงๆ
มันขึ้นอยู่กับความกระตือรือร้นของแต่ละคน
บังคับกันได้ยาก
แต่ความเร่งรีบของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน
แม่ของแอนเป็นคนเร่งรีบ
ในขณะที่คนอื่นๆในบ้านรวมทั้งตัวแอนเองเป็นคนเฉื่อยแฉะ
และจากเท่าที่เห็น จึงทำให้แอนคิดได้ว่า
ระดับความเร่งรีบของแต่ละคนมันไม่เท่ากันจริงๆ
มันขึ้นอยู่กับความกระตือรือร้นของแต่ละคน
บังคับกันได้ยาก
นอนดึก!
นอนดึกจะทำให้ระบบการทำงานในร่างกายรวน
แม่มักจะชอบพูดอย่างนี้บ่อยๆเวลากลับไปอยู่บ้าน
ก็เข้าใจนะ แต่ยังไงก็นอน ตี1 ตี 2 อยู่ดี
เพราะมันชินมาจากการที่เราอยู่หอ
เวลาเข้านอนเร็ว ก็จะไปนอนบิดไปบิดมาบนเตียงเท่านั้น
แล้วอยู่หอนอนเร็วไม่ได้หรอ?
นอนได้ แต่ไม่ทำ
เพราะ?
บางทีก็ทำงาน บางทีก็นั่งเล่น internet เพลิน
จะเรียกว่าจัดเวลาได้ไม่เหมาะสมก็คงถูกสินะ
แม่มักจะชอบพูดอย่างนี้บ่อยๆเวลากลับไปอยู่บ้าน
ก็เข้าใจนะ แต่ยังไงก็นอน ตี1 ตี 2 อยู่ดี
เพราะมันชินมาจากการที่เราอยู่หอ
เวลาเข้านอนเร็ว ก็จะไปนอนบิดไปบิดมาบนเตียงเท่านั้น
แล้วอยู่หอนอนเร็วไม่ได้หรอ?
นอนได้ แต่ไม่ทำ
เพราะ?
บางทีก็ทำงาน บางทีก็นั่งเล่น internet เพลิน
จะเรียกว่าจัดเวลาได้ไม่เหมาะสมก็คงถูกสินะ
คิดไม่ออก หรือ ไม่อยากคิด
ข้อแก้ต่างของตัวเราคืออะไร เวลาทำงานไม่ทัน
'คิดงานไม่ออก หรือ 'ไม่อยากคิดกันแน่'
เรามักอ้างว่า เราคิดงานไม่ออก
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เราไม่อยากจะคิดถึงมันด้วยซ้ำ
เราอยากนอน อยากเล่น อินเตอร์เทรนไปเรื่อยๆ
แล้วเมื่อใครถาม เราก็จะตอบว่า 'อ๋อ คิดงานไม่ออกน่ะ'
เพื่ออะไร?
เพื่อให้ตัวเองดูเหมือนคิดแล้ว? แอนว่าน่าจะเป็นงั้นนะ
หรือบางที คิดงานแล้ว มันคิดไม่ออก ถึงได้ไม่อยากทำงาน?
นั่นก็อาจเป็นอีกประเด็นหนึ่ง
แล้วสุดท้าย มันก็มักจะมาเร่งทำตอนวันใกล้ส่ง
อ่ะ ทีนี้ทำไมมีงานส่ง ทั้งๆที่บอกว่าคิดงานไม่ออก?
ถึงได้บอกไงว่ามันเป็นข้ออ้างที่เราอ้างขึ้นมาเท่านั้น
'คิดงานไม่ออก หรือ 'ไม่อยากคิดกันแน่'
เรามักอ้างว่า เราคิดงานไม่ออก
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เราไม่อยากจะคิดถึงมันด้วยซ้ำ
เราอยากนอน อยากเล่น อินเตอร์เทรนไปเรื่อยๆ
แล้วเมื่อใครถาม เราก็จะตอบว่า 'อ๋อ คิดงานไม่ออกน่ะ'
เพื่ออะไร?
เพื่อให้ตัวเองดูเหมือนคิดแล้ว? แอนว่าน่าจะเป็นงั้นนะ
หรือบางที คิดงานแล้ว มันคิดไม่ออก ถึงได้ไม่อยากทำงาน?
นั่นก็อาจเป็นอีกประเด็นหนึ่ง
แล้วสุดท้าย มันก็มักจะมาเร่งทำตอนวันใกล้ส่ง
อ่ะ ทีนี้ทำไมมีงานส่ง ทั้งๆที่บอกว่าคิดงานไม่ออก?
ถึงได้บอกไงว่ามันเป็นข้ออ้างที่เราอ้างขึ้นมาเท่านั้น
สร้างสรรค์
การสร้างสรรค์ คืองานของนักออกแบบ
แอนได้ยินคำนี้มาบ่อยมา แล้วก็ได้แต่คิดว่า...
แล้วคนอาชีพอื่น สร้างสรรค์ผลงานไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
แอนว่าทุกอาชีพ ล้วนแล้วแต่สร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง
คนทำอาหาร สร้างสรรค์อาหารให้มีรสชาติ และหน้าตาน่ากินออกมา
นักวิทยาศาสตร์ สร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า และทันสมัย
ฯลฯ
แต่ที่เขาบอกกันว่า 'การสร้างสรรค์ คืองานของนักออกแบบ'
มันอาจจะเป็นเพราะการเป็นนักออกแบบ มันขึ้นตรงกับการสร้างสรรค์ผลงานก็เป็นได้ เพราะมันเกิดจากการคิดเป็นกระบวนการ ให้ได้เป็นงานออกแบบออกมา
แอนได้ยินคำนี้มาบ่อยมา แล้วก็ได้แต่คิดว่า...
แล้วคนอาชีพอื่น สร้างสรรค์ผลงานไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
แอนว่าทุกอาชีพ ล้วนแล้วแต่สร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง
คนทำอาหาร สร้างสรรค์อาหารให้มีรสชาติ และหน้าตาน่ากินออกมา
นักวิทยาศาสตร์ สร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า และทันสมัย
ฯลฯ
แต่ที่เขาบอกกันว่า 'การสร้างสรรค์ คืองานของนักออกแบบ'
มันอาจจะเป็นเพราะการเป็นนักออกแบบ มันขึ้นตรงกับการสร้างสรรค์ผลงานก็เป็นได้ เพราะมันเกิดจากการคิดเป็นกระบวนการ ให้ได้เป็นงานออกแบบออกมา
รักคือ?
จุดยืนของเรา
หลายครั้งที่มักจะเจอคนถามว่า
"จุดยืนของเราอะ อยู่ที่ตรงไหน?"
แล้วอะไรล่ะ คือสิ่งที่นิยามคำๆนี้?
จุดยืน ยืนในเรื่องอะไร?
จุดยืน ยืนอยู่ที่ตรงไหน?
จุดยืน ยืนตรงที่เมื่อใด?
จุดยืน จุดไหนที่เรายืน?
คำถามๆนี้มักงงๆ ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี
จุดยืนของแอน?
การเป็นนักศึกษาออกแบบ?
คำตอบแบบนี้ล่ะ ใช่หรือยัง??
สำหรับแอนแล้ว แอนคิดว่ามันไม่ใช่...
เพราะจุดยืนของเรา เราย่อมรู้อยู่แก่ใจ
จุดยืนของเรา ก็คือสิ่งที่เราเป็น
เพราะฉะนั้น เราเท่านั้นที่จะตอบคำถามนี้ได้
"จุดยืนของเราอะ อยู่ที่ตรงไหน?"
แล้วอะไรล่ะ คือสิ่งที่นิยามคำๆนี้?
จุดยืน ยืนในเรื่องอะไร?
จุดยืน ยืนอยู่ที่ตรงไหน?
จุดยืน ยืนตรงที่เมื่อใด?
จุดยืน จุดไหนที่เรายืน?
คำถามๆนี้มักงงๆ ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี
จุดยืนของแอน?
การเป็นนักศึกษาออกแบบ?
คำตอบแบบนี้ล่ะ ใช่หรือยัง??
สำหรับแอนแล้ว แอนคิดว่ามันไม่ใช่...
เพราะจุดยืนของเรา เราย่อมรู้อยู่แก่ใจ
จุดยืนของเรา ก็คือสิ่งที่เราเป็น
เพราะฉะนั้น เราเท่านั้นที่จะตอบคำถามนี้ได้
ไทม์แมชชีน!!
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก
เมื่อนึกย้อนกลับไป...
รู้สึกเหมือนตัวเราเพิ่งเหยียบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่หยกๆ
แต่ตอนนี้ ปี4 แล้ว! ใกล้จบเทอมแรกแล้วด้วย!!
ใช้ชีวิตมหาลัยคุ้มแล้วหรือยัง ก็ยังไม่รู้เลย แต่จะจบแล้ว!!
ซะงั้นอะ...
ถ้ามีไทม์แมชชีน ก็อยากจะย้อนเวลากลับไปช่วงสมัยเด็กๆ
ที่วันๆไม่ต้องคิดอะไรให้เหนื่อยใจ เล่นให้สนุกเข้าไว้ แล้วนอน
ยิ่งเวลาผ่านไปเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งย้อนกลับไปเสียดายเวลา
ตัวเราไม่รู้หรอก ว่าใช้เวลาคุ้มค่าแล้วหรือยัง?
ทุ่มเทให้กับทุกๆวันแล้วหรือยัง?
คนเรามักเลือกนึกถึงแต่สิ่งที่สบายไว้ก่อน
แล้วเมื่อตระหนักได้ เวลาก็ผ่านไปแล้ว...
อยากจะแก้ไขอะไร มันก็ไม่ทันเสียแล้ว!
โลกจริงๆไม่มีของวิเศษ ที่สามารถเสกอะไรก็ได้อย่างใจหวัง
ทุกๆอย่างล้วนแล้วแต่มาจากความพยายามของมนุษย์เราทั้งสิ้น
เวลาทำให้เราเติบโตขึ้น พัฒนาทักษะให้มากขึ้น
หากเราเสียดายเวลา แล้วจมปลักอยู่แต่กับอดีต
เราก็จะเสียเวลาที่กำลังเดินอยู่ไป
แล้วเวลาในปัจจุบัน ก็จะกลายเป็นอดีตอย่างน่าเสียดาย...
เมื่อนึกย้อนกลับไป...
รู้สึกเหมือนตัวเราเพิ่งเหยียบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่หยกๆ
แต่ตอนนี้ ปี4 แล้ว! ใกล้จบเทอมแรกแล้วด้วย!!
ใช้ชีวิตมหาลัยคุ้มแล้วหรือยัง ก็ยังไม่รู้เลย แต่จะจบแล้ว!!
ซะงั้นอะ...
ถ้ามีไทม์แมชชีน ก็อยากจะย้อนเวลากลับไปช่วงสมัยเด็กๆ
ที่วันๆไม่ต้องคิดอะไรให้เหนื่อยใจ เล่นให้สนุกเข้าไว้ แล้วนอน
ยิ่งเวลาผ่านไปเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งย้อนกลับไปเสียดายเวลา
ตัวเราไม่รู้หรอก ว่าใช้เวลาคุ้มค่าแล้วหรือยัง?
ทุ่มเทให้กับทุกๆวันแล้วหรือยัง?
คนเรามักเลือกนึกถึงแต่สิ่งที่สบายไว้ก่อน
แล้วเมื่อตระหนักได้ เวลาก็ผ่านไปแล้ว...
อยากจะแก้ไขอะไร มันก็ไม่ทันเสียแล้ว!
โลกจริงๆไม่มีของวิเศษ ที่สามารถเสกอะไรก็ได้อย่างใจหวัง
ทุกๆอย่างล้วนแล้วแต่มาจากความพยายามของมนุษย์เราทั้งสิ้น
เวลาทำให้เราเติบโตขึ้น พัฒนาทักษะให้มากขึ้น
หากเราเสียดายเวลา แล้วจมปลักอยู่แต่กับอดีต
เราก็จะเสียเวลาที่กำลังเดินอยู่ไป
แล้วเวลาในปัจจุบัน ก็จะกลายเป็นอดีตอย่างน่าเสียดาย...
ย้อนเวลา
"หากย้อนเวลาได้ เราคง..."
ประโยคยอดฮิตติดใจคนหลายๆคน
เมื่อเจอเรื่องไม่ดี เรามักคิดไปว่า...
...หากย้อนเวลาได้ เราจะไม่ทำแบบนี้...
เวลาไม่เคยย้อนกลับ ทุกคนรู้ดี
แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ ว่า 'ถ้าหาก' มันย้อนได้ล่ะ?
คนเราย่อมเคยมีผิด มีพลาด มีพลั้งไป
แทนที่จะเสียเวลานั่งคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้
ทำไมไม่ให้อภัยตัวเองเสียก่อนแล้วเริ่มใหม่?
ถึงแม้ชีวิตเราจะรีเซตไม่ได้เหมือนคอมพิวเตอร์
แต่การปรับปรุงตัวก็จะช่วยให้อะไรๆดีขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้ 'เวลา'
ดังนั้นเราควรใช้เวลาที่จะมาถึงให้คุ้มค่า
ดีกว่านั่งเสียน้ำตาให้กับข้างหลังที่ไม่สามารถหวนย้อนคืน
ประโยคยอดฮิตติดใจคนหลายๆคน
เมื่อเจอเรื่องไม่ดี เรามักคิดไปว่า...
...หากย้อนเวลาได้ เราจะไม่ทำแบบนี้...
เวลาไม่เคยย้อนกลับ ทุกคนรู้ดี
แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ ว่า 'ถ้าหาก' มันย้อนได้ล่ะ?
คนเราย่อมเคยมีผิด มีพลาด มีพลั้งไป
แทนที่จะเสียเวลานั่งคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้
ทำไมไม่ให้อภัยตัวเองเสียก่อนแล้วเริ่มใหม่?
ถึงแม้ชีวิตเราจะรีเซตไม่ได้เหมือนคอมพิวเตอร์
แต่การปรับปรุงตัวก็จะช่วยให้อะไรๆดีขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้ 'เวลา'
ดังนั้นเราควรใช้เวลาที่จะมาถึงให้คุ้มค่า
ดีกว่านั่งเสียน้ำตาให้กับข้างหลังที่ไม่สามารถหวนย้อนคืน
วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ความเจ็บปวด
วันไหนว่างๆ เบื่อๆเลย ก็มักจะคิดว่า
โลกเรามันสร้างมาได้สมดุลดีจริงๆ
เกิด แก่ เจ็บ ตาย
วัฏจักรที่น่าเศร้า แต่มีแล้วสมดุล
คนสร้างสิ่งต่างๆมากมาย คำนวนแล้วถึงความเหมาะสม
โลกนี้ก็เหมือนกัน สร้างมาเหมือนคำนวนไว้แล้วโดยพระเจ้า
ทั้งดูน่าทึ่ง และน่าขนลุก
แต่ทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ
เพราะทุกสิ่งมีเหตุมีผลในตัวของมันเอง
โลกเรามันสร้างมาได้สมดุลดีจริงๆ
เกิด แก่ เจ็บ ตาย
วัฏจักรที่น่าเศร้า แต่มีแล้วสมดุล
คนสร้างสิ่งต่างๆมากมาย คำนวนแล้วถึงความเหมาะสม
โลกนี้ก็เหมือนกัน สร้างมาเหมือนคำนวนไว้แล้วโดยพระเจ้า
ทั้งดูน่าทึ่ง และน่าขนลุก
แต่ทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ
เพราะทุกสิ่งมีเหตุมีผลในตัวของมันเอง
วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
เส้นขอบฟ้า
เวลามองทะเลที่กว้างและทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา
ส่วนที่มองไม่ถึง เราจะเห็นเป็น 'เส้น'
ถ้าเป็นในยุคนี้ก็คงไม่มีใครสงสัยหรอก
ว่า 'อะไร' อยู่เบื้องหลังเส้นนั้น
มันอาจจะเป็นน้ำทะเลไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุด
หรือ สิ้นสุดแค่เพียงเส้นนั้น
คนเราถ้าไม่ได้สัมผัสกับความเป็นจริงเองแล้ว
ก็จะคิดอะไรไปต่างๆนานา
ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะก่อให้เกิดคำว่า 'จินตนาการ'
แต่เมื่อได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงหลายๆอย่างแล้ว
คนเรามักเลิกให้ความสนใจ
มันจะดีแค่ไหนนะ หากเรามีความ 'สนใจ' และ 'ตื่นตัว'อยู่ตลอดเวลา
เปิดรับแนวคิดใหม่ๆ หัดสงสัยให้กับทุกๆเรื่อง
แล้วสามารถนำมันมาใช้งานได้
ส่วนที่มองไม่ถึง เราจะเห็นเป็น 'เส้น'
ถ้าเป็นในยุคนี้ก็คงไม่มีใครสงสัยหรอก
ว่า 'อะไร' อยู่เบื้องหลังเส้นนั้น
มันอาจจะเป็นน้ำทะเลไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุด
หรือ สิ้นสุดแค่เพียงเส้นนั้น
คนเราถ้าไม่ได้สัมผัสกับความเป็นจริงเองแล้ว
ก็จะคิดอะไรไปต่างๆนานา
ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะก่อให้เกิดคำว่า 'จินตนาการ'
แต่เมื่อได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงหลายๆอย่างแล้ว
คนเรามักเลิกให้ความสนใจ
มันจะดีแค่ไหนนะ หากเรามีความ 'สนใจ' และ 'ตื่นตัว'อยู่ตลอดเวลา
เปิดรับแนวคิดใหม่ๆ หัดสงสัยให้กับทุกๆเรื่อง
แล้วสามารถนำมันมาใช้งานได้
วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
การทดลอง
Experimental คำๆนี้คือนิยามที่ทำให้โลกก้าวหน้าดังที่เห็นทุกวันนี้
สำหรับแอน...
การทดลอง = การหาสิ่งใหม่ๆ และหาความเป็นไปได้ในการนำมาใช้งาน
ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของใช้สอยในชีวิตประจำวัน จนไปถึงการออกแบบ
การทดลองทำให้โลกไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่
แต่เบื้องหลังของการทดลองนั้น เราไม่รู้หรอกว่ามันมีอะไรบ้าง?
ถ้าการทดลองสิ่งใหม่ๆ ไม่ได้มาจากการเบียดเบียนสิ่งเก่าๆ
หรือจากการเบียดเบียนผู้อื่นก็คงดี
สำหรับแอน...
การทดลอง = การหาสิ่งใหม่ๆ และหาความเป็นไปได้ในการนำมาใช้งาน
ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของใช้สอยในชีวิตประจำวัน จนไปถึงการออกแบบ
การทดลองทำให้โลกไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่
แต่เบื้องหลังของการทดลองนั้น เราไม่รู้หรอกว่ามันมีอะไรบ้าง?
ถ้าการทดลองสิ่งใหม่ๆ ไม่ได้มาจากการเบียดเบียนสิ่งเก่าๆ
หรือจากการเบียดเบียนผู้อื่นก็คงดี
วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
มนุษย์ กับ โรคภัยไข้เจ็บ
พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้เกิดมา แล้วเหตุใดถึงต้องมีโรคภัยไข้เจ็บด้วย?
ในความคิดแอน...มนุษย์เป็นสิ่งเปราะบาง
ไม่ได้นอนก็ล้มป่วย ตากแดดตากฝนนานๆก็เวียนหัวเป็นลม
เป็นโรคร้าย...ก็ตาย...
ชีวิตๆหนึ่งไม่วันใดวันหนึ่งก็ต้องจากไป
แต่การที่มีโรคพวกนี้เข้ามาแทรก
มันทำให้คนเราตายก่อนวัยที่ควรจะเป็น
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเกินไป
และที่น่าแปลกใจ...
คนเรามีการวิวัฒนาการตัวเองอยู่สม่ำเสมอ
โรค...ก็เช่นเดียวกัน
มันพัฒนาตัวเองเหมือนมนุษย์ ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
เพื่อคร่าชีวิตไม่ว่าจะทั้งคนและสัตว์
เราก็ได้แต่เพียงรับมือ และหาทางรักษา
แล้วอย่างนี้จะพูดได้ว่า โรค หรือ คน อะไรฉลาดกว่ากัน?
ในความคิดแอน...มนุษย์เป็นสิ่งเปราะบาง
ไม่ได้นอนก็ล้มป่วย ตากแดดตากฝนนานๆก็เวียนหัวเป็นลม
เป็นโรคร้าย...ก็ตาย...
ชีวิตๆหนึ่งไม่วันใดวันหนึ่งก็ต้องจากไป
แต่การที่มีโรคพวกนี้เข้ามาแทรก
มันทำให้คนเราตายก่อนวัยที่ควรจะเป็น
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเกินไป
และที่น่าแปลกใจ...
คนเรามีการวิวัฒนาการตัวเองอยู่สม่ำเสมอ
โรค...ก็เช่นเดียวกัน
มันพัฒนาตัวเองเหมือนมนุษย์ ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
เพื่อคร่าชีวิตไม่ว่าจะทั้งคนและสัตว์
เราก็ได้แต่เพียงรับมือ และหาทางรักษา
แล้วอย่างนี้จะพูดได้ว่า โรค หรือ คน อะไรฉลาดกว่ากัน?
วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
Game Online
ทุกวันนี้เยาวชนแทบทุกคนใช้คอมพิวเตอร์เป็น
หางานใน internet Chat โพสข้อความ และ 'เล่นเกมส์'
Game Online คือการพบปะเพื่อนใหม่ที่เราไม่เคยเห็นหน้า
ได้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน
และได้ใช้เวลาที่มีค่าไปอย่างน่าเสียดาย
เจ้าของเกมส์อาจบอกว่า...
เกมส์ออนไลน์มีประโยชน์นอกเหนือจากโทษ!
ใช่...
มันทำให้เรามีเพื่อนเพิ่มขึ้น ให้เราได้เข้าสังคมที่กว้างขึ้น
แต่ในประโยชน์เหล่านี้ กลับมีโทษที่เยอะกว่า
ซึ่งคนเป็นเจ้าของคงไม่พูดสิ่งเหล่านี้ออกมา
ติดเกมส์จนหนีเรียน ติดเกมส์จนมีเรื่องวิวาท ก็มีมาแล้วทั้งนั้น
แต่เด็กในสังคมทุกวันนี้ ก็ยังคงเล่น
เคยอ่านข่าวสารใน รnternet เกี่ยวกับการสร้างเกมส์
เขาบอกว่า ในเกมส์ๆหนึ่ง นอกจากนักออกแบบเกมส์แล้ว
ยังมีนักจิตวิทยาอย่างน้อย 3 คนร่วมทำเกมส์ด้วย!!
มิน่าล่ะ คนถึงได้ติดกันอย่างถ้วนหน้า
ถ้าสังเกตดีๆ ในทุกเกมส์จะมีคำเตือนเขียนไว้ทำนองว่า
'เล่นเกมส์อย่างพอดี' 'แบ่งเวลาให้เหมาสม'
แต่ก็เป็นตัวอักษร Font ประมาณ 36 เท่านั้น ไม่ได้เด่นอะไร
แล้วยิ่งเป็นตัวอักษรสีดำ ความเด่นชัดก็ยิ่งลดน้อยลงไปอีก
อย่างนี้แล้ว ใครจะยังเล่นเกมส์อย่างพอดี เวลาเหมาะสมได้อีกล่ะ?
เล่นเกมให้สนุกมันก็ดี แต่ควรแบ่งเวลาให้เหมาะสม
แต่ถ้าเป็นไปได้ ไม่ควรไปเริ่มเล่นมันเลยจะดีกว่า
เพราะหากลองได้เล่นแล้วล่ะก็ จะหยุดเล่นลำบากมาก!!
นักออกแบบอย่างเราเอง ก็มีส่วนในเกมส์
เพราะคาแรคเตอร์และฉาก ก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของอาชีพเราๆ
การสร้างสรรค์ทุกอย่างล้วนมีโทษตามติดมาด้วยเสมอ
ทั้งหมดนี้ต้องขึ้นอยู่ที่ผู้บริโภค
หางานใน internet Chat โพสข้อความ และ 'เล่นเกมส์'
Game Online คือการพบปะเพื่อนใหม่ที่เราไม่เคยเห็นหน้า
ได้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน
และได้ใช้เวลาที่มีค่าไปอย่างน่าเสียดาย
เจ้าของเกมส์อาจบอกว่า...
เกมส์ออนไลน์มีประโยชน์นอกเหนือจากโทษ!
ใช่...
มันทำให้เรามีเพื่อนเพิ่มขึ้น ให้เราได้เข้าสังคมที่กว้างขึ้น
แต่ในประโยชน์เหล่านี้ กลับมีโทษที่เยอะกว่า
ซึ่งคนเป็นเจ้าของคงไม่พูดสิ่งเหล่านี้ออกมา
ติดเกมส์จนหนีเรียน ติดเกมส์จนมีเรื่องวิวาท ก็มีมาแล้วทั้งนั้น
แต่เด็กในสังคมทุกวันนี้ ก็ยังคงเล่น
เคยอ่านข่าวสารใน รnternet เกี่ยวกับการสร้างเกมส์
เขาบอกว่า ในเกมส์ๆหนึ่ง นอกจากนักออกแบบเกมส์แล้ว
ยังมีนักจิตวิทยาอย่างน้อย 3 คนร่วมทำเกมส์ด้วย!!
มิน่าล่ะ คนถึงได้ติดกันอย่างถ้วนหน้า
ถ้าสังเกตดีๆ ในทุกเกมส์จะมีคำเตือนเขียนไว้ทำนองว่า
'เล่นเกมส์อย่างพอดี' 'แบ่งเวลาให้เหมาสม'
แต่ก็เป็นตัวอักษร Font ประมาณ 36 เท่านั้น ไม่ได้เด่นอะไร
แล้วยิ่งเป็นตัวอักษรสีดำ ความเด่นชัดก็ยิ่งลดน้อยลงไปอีก
อย่างนี้แล้ว ใครจะยังเล่นเกมส์อย่างพอดี เวลาเหมาะสมได้อีกล่ะ?
เล่นเกมให้สนุกมันก็ดี แต่ควรแบ่งเวลาให้เหมาะสม
แต่ถ้าเป็นไปได้ ไม่ควรไปเริ่มเล่นมันเลยจะดีกว่า
เพราะหากลองได้เล่นแล้วล่ะก็ จะหยุดเล่นลำบากมาก!!
นักออกแบบอย่างเราเอง ก็มีส่วนในเกมส์
เพราะคาแรคเตอร์และฉาก ก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของอาชีพเราๆ
การสร้างสรรค์ทุกอย่างล้วนมีโทษตามติดมาด้วยเสมอ
ทั้งหมดนี้ต้องขึ้นอยู่ที่ผู้บริโภค
วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ความตาย
คนเราเกิดมา สักวันก็ต้อง 'ตาย'
เพียงแค่ไม่รู้ว่าเวลาไหนเท่านั้น
ความตายน่ากลัวไหม?
...น่ากลัว...
แต่ทุกคนก็ต้องเผชิญกับมันสักวันหนึ่ง
มันเป็นเรื่องน่าเศร้า ที่เราทำอะไรไม่ได้
มนุษย์เราเป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุดแล้วในโลกนี้
เพราะเราพยายามยื้อชีวิตไม่ให้สูญไป
เรายื้อ 'ความตาย' ให้ยืดยาวออกไป
เคยคิดไหม...ว่าตายแล้วเราจะไปไหน?
สวรรค์ นรก มีจริงหรือเปล่าตัวเราเองก็ยังไม่รู้
เพราะเพียงแค่เคยได้ยินเท่านั้น
อย่างว่าล่ะนะ...ถ้าคนเราไม่ได้เห็นอะไรด้วยตาของตัวเอง
ก็ย่อมไม่เชื่อในสิ่งนั้น แค่ไม่เชื่อนะ ไม่ได้ลบหลู่
เราไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่
เพราะฉะนั้นเราควรใช้ทุกวันให้มีค่า
ให้คิดเสมอว่าทุกๆวันคือวันสุดท้ายของชีวิต
แล้วเราจะใช้ชีวิตอย่างมีค่าในทุกๆวัน
เพียงแค่ไม่รู้ว่าเวลาไหนเท่านั้น
ความตายน่ากลัวไหม?
...น่ากลัว...
แต่ทุกคนก็ต้องเผชิญกับมันสักวันหนึ่ง
มันเป็นเรื่องน่าเศร้า ที่เราทำอะไรไม่ได้
มนุษย์เราเป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุดแล้วในโลกนี้
เพราะเราพยายามยื้อชีวิตไม่ให้สูญไป
เรายื้อ 'ความตาย' ให้ยืดยาวออกไป
เคยคิดไหม...ว่าตายแล้วเราจะไปไหน?
สวรรค์ นรก มีจริงหรือเปล่าตัวเราเองก็ยังไม่รู้
เพราะเพียงแค่เคยได้ยินเท่านั้น
อย่างว่าล่ะนะ...ถ้าคนเราไม่ได้เห็นอะไรด้วยตาของตัวเอง
ก็ย่อมไม่เชื่อในสิ่งนั้น แค่ไม่เชื่อนะ ไม่ได้ลบหลู่
เราไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่
เพราะฉะนั้นเราควรใช้ทุกวันให้มีค่า
ให้คิดเสมอว่าทุกๆวันคือวันสุดท้ายของชีวิต
แล้วเราจะใช้ชีวิตอย่างมีค่าในทุกๆวัน
วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
Main Word
ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009
กลัวไม่มีคนรู้หรือยังไงนะ?
ว่าไข้หวัดตัวนี้เป็นเพิ่งมาใหม่ แล้วพบตอนปี 2009
ได้ยินชื่อนี้ครั้งแรก รู้สึกคล้ายกับกำลังฟังชื่อของ Microsoft Window97 ยังไงยังงั้น
'การตั้งชื่อ' ให้จดจำง่ายก็ถือว่าดี
แต่หากมองอีกแง่ มันไม่มีศิลป์เลย
สายพันธุ์ใหม่? 2009?
เพื่อบอกให้รู้ถึงระดับความร้ายแรง?
หรือแค่อยากให้คนจำชื่อนี้ได้อย่างรวดเร็ว?
การตั้งชื่อ...
ตั้งให้ยากเกินไปไม่นานคนก็ลืม
ตั้งให้ง่ายเกินไปก็ไม่มีศิลป์
แล้วความ 'พอดี' มันอยู่ที่ไหนกันละทีนี้?
กลัวไม่มีคนรู้หรือยังไงนะ?
ว่าไข้หวัดตัวนี้เป็นเพิ่งมาใหม่ แล้วพบตอนปี 2009
ได้ยินชื่อนี้ครั้งแรก รู้สึกคล้ายกับกำลังฟังชื่อของ Microsoft Window97 ยังไงยังงั้น
'การตั้งชื่อ' ให้จดจำง่ายก็ถือว่าดี
แต่หากมองอีกแง่ มันไม่มีศิลป์เลย
สายพันธุ์ใหม่? 2009?
เพื่อบอกให้รู้ถึงระดับความร้ายแรง?
หรือแค่อยากให้คนจำชื่อนี้ได้อย่างรวดเร็ว?
การตั้งชื่อ...
ตั้งให้ยากเกินไปไม่นานคนก็ลืม
ตั้งให้ง่ายเกินไปก็ไม่มีศิลป์
แล้วความ 'พอดี' มันอยู่ที่ไหนกันละทีนี้?
วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
21-12-12
'วันสิ้นโลก' หลายๆคนคงเคยได้ยินคำนี้มาบ้างแล้ว
ฟังดูน่ากลัวไหม? ...แน่นอนมันน่ากลัว...
แต่ที่โลกจะเป็นเช่นนั้นเพราะใครกัน? หากไม่ใช่มนุษย์เรา
ถ้าเปรียบร่างกายคนเหมือนกับโลก
เชื้อโรคในร่างกายก็เปรียบได้กับมนุษย์เดินดิน
เชื้อโรคค่อยๆทำให้เราเจ็บไข้ได้ป่วย
เราเองก็ทำลายโลกทีละน้อยเช่นกัน
ในร่างกายเรามีภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโรค
โลกเองก็ปรับตัวให้เข้ากับสภาพของมันเช่นกัน
คนเราตายได้
โลกเองก็ตายได้
'คน' กับ 'โลก'
เหมือนจะไม่เกี่ยวโยงกัน แต่กลับเกี่ยวโยงกันมากกว่าอะไรทั้งหมด
ในเมื่อคนมีเม็ดเลือดขาวคอยฆ่าเชื้อโรคอยู่ภายใน
'โลก' เอง ก็มีเช่นเดียวกัน นั่นก็คือ 'คนดี' ที่อาศัยอยู่บนโลกเช่นกัน
ฟังดูน่ากลัวไหม? ...แน่นอนมันน่ากลัว...
แต่ที่โลกจะเป็นเช่นนั้นเพราะใครกัน? หากไม่ใช่มนุษย์เรา
ถ้าเปรียบร่างกายคนเหมือนกับโลก
เชื้อโรคในร่างกายก็เปรียบได้กับมนุษย์เดินดิน
เชื้อโรคค่อยๆทำให้เราเจ็บไข้ได้ป่วย
เราเองก็ทำลายโลกทีละน้อยเช่นกัน
ในร่างกายเรามีภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโรค
โลกเองก็ปรับตัวให้เข้ากับสภาพของมันเช่นกัน
คนเราตายได้
โลกเองก็ตายได้
'คน' กับ 'โลก'
เหมือนจะไม่เกี่ยวโยงกัน แต่กลับเกี่ยวโยงกันมากกว่าอะไรทั้งหมด
ในเมื่อคนมีเม็ดเลือดขาวคอยฆ่าเชื้อโรคอยู่ภายใน
'โลก' เอง ก็มีเช่นเดียวกัน นั่นก็คือ 'คนดี' ที่อาศัยอยู่บนโลกเช่นกัน
วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
Transformers2

หนังฟอร์มยักษ์ที่แอนประทับใจตั้งแต่ภาคแรกที่ได้เห็น
ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการแปลงกายจากรถเป็นหุ่น ฉาก เนื้อเรื่อง ฯลฯ
จบเรื่องหนังไว้ก่อน เพราะนี่ไม่ใช่ไฮไลท์ของเรื่อง
ที่ตัวแอนสงสัย มันอยู่ที่...
[วัน] ที่หนังเรื่องนี้เปิดให้คนไทยได้เข้าชม
นั่นคือ วันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2552 17.00น.
ซึ่งถ้าไม่ใช่พวกคอหนังก็คงไม่รู้ว่ามีอะไรแปลกเกี่ยวกับ[วัน]ที่ฉายเลย
ตามหลักการ หนังจะเข้าบ้านเราทุกวัน [พฤหัสบดี]
ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าเวลาบ้านเราเร็วกว่าของ USA
ซึ่งทางนั้นตรงกับวันศุกร์ เพื่อให้เหล่าคอหนังได้ใช้ช่วงวันหยุดดูหนังกันได้อย่างจุใจ และเป็นการง่ายที่จะคำนวนยอด ว่าในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หนังเรื่องนั้นทำยอดไปได้เท่าไหร่แล้ว
แต่ Transformer2 กลับเข้าฉายวันอังคารแทน! ซึ่งไม่ได้ตรงกับช่วง long weekend แต่อย่างใดเลย! แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับทะลุเป้าแซงหน้าหนังเด่นๆอย่าง Up ที่ครองอันดับหนึ่งมา 2 สัปดาห์ไปอย่างง่ายดายด้วยเวลาเพียง 5 วัน!
หรือนี่จะเป็นเพียงการโต้กระแส? หรือเพียงแค่อยากรีบฉายให้เหล่าแฟนหนังเรื่องนี้ได้ดูไวๆ? แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด หนังเรื่องนี้ก็ยอดทะลุเป้าไปได้อย่างสวยงามเรียบร้อยแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการแปลงกายจากรถเป็นหุ่น ฉาก เนื้อเรื่อง ฯลฯ
จบเรื่องหนังไว้ก่อน เพราะนี่ไม่ใช่ไฮไลท์ของเรื่อง
ที่ตัวแอนสงสัย มันอยู่ที่...
[วัน] ที่หนังเรื่องนี้เปิดให้คนไทยได้เข้าชม
นั่นคือ วันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2552 17.00น.
ซึ่งถ้าไม่ใช่พวกคอหนังก็คงไม่รู้ว่ามีอะไรแปลกเกี่ยวกับ[วัน]ที่ฉายเลย
ตามหลักการ หนังจะเข้าบ้านเราทุกวัน [พฤหัสบดี]
ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าเวลาบ้านเราเร็วกว่าของ USA
ซึ่งทางนั้นตรงกับวันศุกร์ เพื่อให้เหล่าคอหนังได้ใช้ช่วงวันหยุดดูหนังกันได้อย่างจุใจ และเป็นการง่ายที่จะคำนวนยอด ว่าในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หนังเรื่องนั้นทำยอดไปได้เท่าไหร่แล้ว
แต่ Transformer2 กลับเข้าฉายวันอังคารแทน! ซึ่งไม่ได้ตรงกับช่วง long weekend แต่อย่างใดเลย! แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับทะลุเป้าแซงหน้าหนังเด่นๆอย่าง Up ที่ครองอันดับหนึ่งมา 2 สัปดาห์ไปอย่างง่ายดายด้วยเวลาเพียง 5 วัน!
หรือนี่จะเป็นเพียงการโต้กระแส? หรือเพียงแค่อยากรีบฉายให้เหล่าแฟนหนังเรื่องนี้ได้ดูไวๆ? แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด หนังเรื่องนี้ก็ยอดทะลุเป้าไปได้อย่างสวยงามเรียบร้อยแล้ว
วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ผมสั้น หรือ ผมยาว
ชอบผมยาว แต่อยากตัดผมสั้น แต่ก็กลัวไม่เข้ากับผมสั้น
ในระหว่างที่ตัดสินใจนั้น ก็คิดเล่นๆว่า...
จริงรึเปล่า? ที่มีคนเคยบอกว่า...
'ผมยาวแล้วจะโง่เพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ'
ถ้ามันเป็นงั้นจริง แล้วพวกที่ถูกโกรนหัวเกรียนตอนเรียน
มัธยมปลายแล้วยังสอบตกล่ะ มันหมายความว่ายังไง?
คนเรามักห่วงเสื้อผ้า หน้า ผม เป็นหลัก
ไม่มีใครไม่อยากหล่อ ไม่อยากสวย
ทุกคนล้วนแล้วแต่หา 'สไตล์' เพื่อบอกความเป็นตัวเอง
ทดลอง เปลี่ยนแปลง เพื่อหาสิ่งใหม่ๆให้ตัวเองเสมอ
จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า...
ทำไมการใช้ชีวิตมันถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้
ต้องมีการออกกฏเกณฑ์เพื่อปิดกั้น
เวลาไม่มีอะไรกักขัง ก็ปลดปล่อยเสียเต็มที่
...สับสน วุ่นวาย ซับซ้อน...เป็นอย่างนี้เรื่อยมา
แต่สุดท้าย ตัวเราเองก็ยังอยู่ในวังวนนั้นเหมือนกัน
ในระหว่างที่ตัดสินใจนั้น ก็คิดเล่นๆว่า...
จริงรึเปล่า? ที่มีคนเคยบอกว่า...
'ผมยาวแล้วจะโง่เพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ'
ถ้ามันเป็นงั้นจริง แล้วพวกที่ถูกโกรนหัวเกรียนตอนเรียน
มัธยมปลายแล้วยังสอบตกล่ะ มันหมายความว่ายังไง?
คนเรามักห่วงเสื้อผ้า หน้า ผม เป็นหลัก
ไม่มีใครไม่อยากหล่อ ไม่อยากสวย
ทุกคนล้วนแล้วแต่หา 'สไตล์' เพื่อบอกความเป็นตัวเอง
ทดลอง เปลี่ยนแปลง เพื่อหาสิ่งใหม่ๆให้ตัวเองเสมอ
จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า...
ทำไมการใช้ชีวิตมันถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้
ต้องมีการออกกฏเกณฑ์เพื่อปิดกั้น
เวลาไม่มีอะไรกักขัง ก็ปลดปล่อยเสียเต็มที่
...สับสน วุ่นวาย ซับซ้อน...เป็นอย่างนี้เรื่อยมา
แต่สุดท้าย ตัวเราเองก็ยังอยู่ในวังวนนั้นเหมือนกัน
วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
layer ของท้อง

การทับกันของชั้นไขมันที่ดูเหมือนไม่มีอะไร
แต่ก็ดูมีอะไรสำหรับแอน
แอนว่า...ชั้นไขมันของคนที่อ้วนมากมันก็ดูน่าสนใจดี
เพราะมันมีความหนา-บาง ไม่เท่ากัน
แล้วการต่อยอดเป็นชั้นๆก็ดูเหลื่อมลั้มกันดี
จากการที่นั่งมองดูไขมันของคนอ้วน
ทำให้แอนคิดได้ว่า...
ของใกล้ตัวก็สามารถหยิบจับนำมาเป็นงานออกแบบได้
แต่คนเรามักเลือกในสิ่งที่ไกลตัวมาทำงาน
ทำไม?
เพราะของใกล้ตัวที่ทุกๆคนเห็น ทุกๆคนได้สัมผัสในชีวิตประจำวันมันไม่น่าสนใจอย่างงั้นหรือ? หรือเพราะเราคิดว่ามันไม่น่าสนใจเอง!
วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
การออกแบบกับ "เส้น"

เส้น...เพียงไม่กี่เส้น ก็กลายเป็นภาพที่สวยงามได้
เส้น...เพียงไม่กี่เส้น ก็กลายเป็นงานออกแบบได้แล้ว!
เส้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการวาดรูปเลยก็ว่าได้
เพราะตอนที่เริ่มเรียนวาดรูป
เราก็รู้จักลักษณะของเส้นแล้ว
เส้นตรง...เส้นโค้ง...เส้นรูปคลื่น...เส้นเกลียว...ฯลฯ...
ไม่ว่าจะรูปทรงไหน ต่างก็มีเอกลักษณ์ และความหมาย
หากเราเข้าใจถึงแก่นแท้ของลักษณะรูปทรงเหล่านั้น
เราก็สามารถหยิบมาใช้แสดงอารมณ์ หรือความหมายของสิ่งต่างๆได้
การเรียนออกแบบ การวาดรูปเก่งอาจไม่สำคัญนัก
แต่การรู้จักหาความหมายของงานแล้วหยิบนำมาใช้
อาจมีความหมายมากกว่าก็เป็นได้
วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
9855
คงมีบ้างใช่ไหม ที่เรียกว่าตัวเลขในใจ
ไม่ว่าจะเป็นเลขหลักเดียว 2หลัก หรือ 4หลัก
สำหรับแอน '9855' ถือเป็นเลขที่ติดอยู่ในใจ
เพราะนี่คือเลขรหัสประจำตัวนักเรียนสมัย ม.ปลาย ของแอนเอง
เวลานั่งรถไปไหนมาไหนแล้วเจอป้ายทะเบียน 9855
แอนเป็นต้องหันมองทุกที
แล้วถ้ามีใครอยู่ข้างๆ ก็จะตบบ่าแล้วบอกเขาว่า
'ดูสิๆ นั่นเลขประจำตัวเราตอน ม.ปลาย แหละ'
แต่คนเหล่านั้นมักไม่สนใจ แล้วตอบเพียงว่า 'หรอ?'
ตอนว่างๆเลยนั่งสงสัยว่า...
ทำไมเราต้องไปตื่นเต้นกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ด้วย?
การที่เราให้ความสำคัญกับเลข 4 หลัก หรืออะไรซักอย่าง
เพราะมันมีความสำคัญ และมีความหมายสำหรับเราเท่านั้นหรอ?
แอนว่า...ใช่...
สิ่งสำคัญสำหรับเรา อาจดูไร้ค่าสำหรับคนอื่น
จะมีใครสนใจและตื่นเต้นกับเรื่องของเราไปเสียทุกเรื่อง?
นั่นเพราะคนเรามักเห็นตัวเองมาก่อนคนอื่น
มันอาจไม่ใช่ทุกคน แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนั้น
ไม่ว่าจะเป็นเลขหลักเดียว 2หลัก หรือ 4หลัก
สำหรับแอน '9855' ถือเป็นเลขที่ติดอยู่ในใจ
เพราะนี่คือเลขรหัสประจำตัวนักเรียนสมัย ม.ปลาย ของแอนเอง
เวลานั่งรถไปไหนมาไหนแล้วเจอป้ายทะเบียน 9855
แอนเป็นต้องหันมองทุกที
แล้วถ้ามีใครอยู่ข้างๆ ก็จะตบบ่าแล้วบอกเขาว่า
'ดูสิๆ นั่นเลขประจำตัวเราตอน ม.ปลาย แหละ'
แต่คนเหล่านั้นมักไม่สนใจ แล้วตอบเพียงว่า 'หรอ?'
ตอนว่างๆเลยนั่งสงสัยว่า...
ทำไมเราต้องไปตื่นเต้นกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ด้วย?
การที่เราให้ความสำคัญกับเลข 4 หลัก หรืออะไรซักอย่าง
เพราะมันมีความสำคัญ และมีความหมายสำหรับเราเท่านั้นหรอ?
แอนว่า...ใช่...
สิ่งสำคัญสำหรับเรา อาจดูไร้ค่าสำหรับคนอื่น
จะมีใครสนใจและตื่นเต้นกับเรื่องของเราไปเสียทุกเรื่อง?
นั่นเพราะคนเรามักเห็นตัวเองมาก่อนคนอื่น
มันอาจไม่ใช่ทุกคน แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนั้น
วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
Ha Ha Haaa!
มีคนเคยบอกไว้ว่า 'หัวเราะวันละนิดจิตแจ่มใส'
เคยลองไหม?
เวลาอยู่คนเดียว ไม่มีอะไรทำ ใจก็รู้สึกห่อเหี่ยว แล้วลองยิ้มดู?
แอนเคยลองทำนะ แค่ยิ้มที่มุมปาก แต่ใจกลับรู้สึกดีขึ้นทันที
หากป่วยกาย อาจใช้ยารักษาให้หายได้
และถ้าป่วยใจล่ะ? การหัวเราะจะรักษาได้ไหมนะ?
ในทุกๆคนย่อมมีความเครียดต่างๆนานา
เครียดกับชีวิตครอบครัว ชีวิตการเรียน การงาน ฯลฯ
บางคนอาจเครียดคล้ายๆกัน
บางคนเราอาจคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเขาเจอเรื่องเลวร้ายขนาดไหน
แต่แอนเชื่อว่า คนเราไม่ได้เครียดทุกวัน
ใน 1 ปี ใน 1 เดือน ใน 1 วัน ย่อมมีเวลาที่ไม่เครียดอยู่
ถ้าเราเอาเวลานั้นมายิ้ม มาหัวเราะ
แอนเชื่อว่าสุขภาพจิตของเราก็จะดีขึ้นไม่มากก็น้อย
ถ้าความเครียดถือเป็นเรื่อง -
การหัวเราะก็คือเรื่อง +
แล้วเราเป็นพาชนะเปราะบางอย่างแก้วน้ำ
ความเครียดทำให้น้ำในแก้วลดน้อยลงๆ
การที่เราหัวเราะ ก็คือการที่เรารินน้ำลงแก้วเพื่อเติมเต็ม
แต่ถ้าเราเครียดๆๆแล้วไม่เติมน้ำ
หรือก็คือน้ำที่ลดลงเรื่อยๆจนเหือดแห้ง
ภาชนะนั้นก็คงไร้ความหมายแล้วแตกกระจายไป
คนเราบางครั้งคิดว่าตัวเองเข้มแข็ง
แต่ความจริงแล้วในความเข้มแข็งย่อมมีความอ่อนแอซ่อนไว้
หากไม่หมั่นเติมความสุข
ความอยากที่จะมีชีวิตอยู่ก็ย่อมลดน้อยลง
ซึ่งนั่น เป็นเรื่องที่อันตรายไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
เคยลองไหม?
เวลาอยู่คนเดียว ไม่มีอะไรทำ ใจก็รู้สึกห่อเหี่ยว แล้วลองยิ้มดู?
แอนเคยลองทำนะ แค่ยิ้มที่มุมปาก แต่ใจกลับรู้สึกดีขึ้นทันที
หากป่วยกาย อาจใช้ยารักษาให้หายได้
และถ้าป่วยใจล่ะ? การหัวเราะจะรักษาได้ไหมนะ?
ในทุกๆคนย่อมมีความเครียดต่างๆนานา
เครียดกับชีวิตครอบครัว ชีวิตการเรียน การงาน ฯลฯ
บางคนอาจเครียดคล้ายๆกัน
บางคนเราอาจคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเขาเจอเรื่องเลวร้ายขนาดไหน
แต่แอนเชื่อว่า คนเราไม่ได้เครียดทุกวัน
ใน 1 ปี ใน 1 เดือน ใน 1 วัน ย่อมมีเวลาที่ไม่เครียดอยู่
ถ้าเราเอาเวลานั้นมายิ้ม มาหัวเราะ
แอนเชื่อว่าสุขภาพจิตของเราก็จะดีขึ้นไม่มากก็น้อย
ถ้าความเครียดถือเป็นเรื่อง -
การหัวเราะก็คือเรื่อง +
แล้วเราเป็นพาชนะเปราะบางอย่างแก้วน้ำ
ความเครียดทำให้น้ำในแก้วลดน้อยลงๆ
การที่เราหัวเราะ ก็คือการที่เรารินน้ำลงแก้วเพื่อเติมเต็ม
แต่ถ้าเราเครียดๆๆแล้วไม่เติมน้ำ
หรือก็คือน้ำที่ลดลงเรื่อยๆจนเหือดแห้ง
ภาชนะนั้นก็คงไร้ความหมายแล้วแตกกระจายไป
คนเราบางครั้งคิดว่าตัวเองเข้มแข็ง
แต่ความจริงแล้วในความเข้มแข็งย่อมมีความอ่อนแอซ่อนไว้
หากไม่หมั่นเติมความสุข
ความอยากที่จะมีชีวิตอยู่ก็ย่อมลดน้อยลง
ซึ่งนั่น เป็นเรื่องที่อันตรายไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552
Process
ในการจะทำงานอะไรซักอย่าง
เราควรคิดถึงอะไรก่อน?
หัวข้อ? งานจบ?
สำหรับแอนแล้ว แอนมักคิดถึง 2 สิ่งนี้ก่อน
- หัวข้อ คือ เรื่องที่สนใจ แล้วสามารถตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ได้
- งานจบ คือ สิ่งที่คิดไว้คร่าวๆ และขอบเขตที่สามารถทำได้
แล้ว 'กระบวนการ' ล่ะ มาจากไหน?
แอนให้คำตอบว่ามันคือ ตรงกลางระหว่างหัวข้อกับงานจบ
เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าเราจะศึกษาเรื่องอะไร
กระบวนการศึกษาก็คงไม่เกิด
และถ้าเราไม่กำหนดขอบเขตของงานจบแล้ว
กระบวนการศึกษาก็คงกระจายเป็นวงกว้าง ไม่รู้จบ
กระบวนการมีความสำคัญอย่างไรสำหรับนักออกแบบ?
แอนให้คำตอบว่า มันทำให้เราสามารถยืนยันข้อมูลที่ถูกต้อง
ทำให้เรารู้จักจัดการงานเป็นส่วนๆ และแยกแยะเวลาทำงานได้
มันเป็นสิ่งที่ดี แต่น้อยคนนักที่จะจัดการกับ 'กระบวนการ'
ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งจำเป็นแท้ๆ
เราควรคิดถึงอะไรก่อน?
หัวข้อ? งานจบ?
สำหรับแอนแล้ว แอนมักคิดถึง 2 สิ่งนี้ก่อน
- หัวข้อ คือ เรื่องที่สนใจ แล้วสามารถตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ได้
- งานจบ คือ สิ่งที่คิดไว้คร่าวๆ และขอบเขตที่สามารถทำได้
แล้ว 'กระบวนการ' ล่ะ มาจากไหน?
แอนให้คำตอบว่ามันคือ ตรงกลางระหว่างหัวข้อกับงานจบ
เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าเราจะศึกษาเรื่องอะไร
กระบวนการศึกษาก็คงไม่เกิด
และถ้าเราไม่กำหนดขอบเขตของงานจบแล้ว
กระบวนการศึกษาก็คงกระจายเป็นวงกว้าง ไม่รู้จบ
กระบวนการมีความสำคัญอย่างไรสำหรับนักออกแบบ?
แอนให้คำตอบว่า มันทำให้เราสามารถยืนยันข้อมูลที่ถูกต้อง
ทำให้เรารู้จักจัดการงานเป็นส่วนๆ และแยกแยะเวลาทำงานได้
มันเป็นสิ่งที่ดี แต่น้อยคนนักที่จะจัดการกับ 'กระบวนการ'
ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งจำเป็นแท้ๆ
วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552
ถึงเวลา...ก็ตาย...
เรื่องมีอยู่ว่า...
พ่อของเพื่อนของรุ่นพี่ที่รู้จักกันเสียชีวิต
การเสียชีวิตถือเป็นลิขิตจากฟ้า
แล้วเรื่องนี้มันแปลกตรงไหน?
เรื่องมีอยู่ว่า...
รถของคุณพ่อเสียบนทางด่วนจึงจอดอยู่ข้างทาง
คุณพ่อก็ออกมายืนรอนอกรถเพื่อรอรถลาก
แต่ระหว่างนั้นเอง...
มีรถ 2 คันขับมาด้วยความเร็วสูง
คันที่ 1 เสียหลักชนคันที่ 2
เคราะห์ร้ายที่ทั้ง 2 คันนั้นเสียหลักพุ่งเข้าชนคุณพ่อ...
นี่ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นใกล้ตัว
ในใจก็อดคิดไม่ได้ ว่าพื้นที่บนทางด่วนมีตั้งเยอะแยะ
แล้วเหตุใดรถ 2 คันถึงได้เสียหลักเข้าชนคุณพ่อที่ตรงนั้น
หรือนี่คือสิ่งที่เรียกกันว่า "ถึงฆาต" !?
พ่อของเพื่อนของรุ่นพี่ที่รู้จักกันเสียชีวิต
การเสียชีวิตถือเป็นลิขิตจากฟ้า
แล้วเรื่องนี้มันแปลกตรงไหน?
เรื่องมีอยู่ว่า...
รถของคุณพ่อเสียบนทางด่วนจึงจอดอยู่ข้างทาง
คุณพ่อก็ออกมายืนรอนอกรถเพื่อรอรถลาก
แต่ระหว่างนั้นเอง...
มีรถ 2 คันขับมาด้วยความเร็วสูง
คันที่ 1 เสียหลักชนคันที่ 2
เคราะห์ร้ายที่ทั้ง 2 คันนั้นเสียหลักพุ่งเข้าชนคุณพ่อ...
นี่ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นใกล้ตัว
ในใจก็อดคิดไม่ได้ ว่าพื้นที่บนทางด่วนมีตั้งเยอะแยะ
แล้วเหตุใดรถ 2 คันถึงได้เสียหลักเข้าชนคุณพ่อที่ตรงนั้น
หรือนี่คือสิ่งที่เรียกกันว่า "ถึงฆาต" !?
วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552
พ่อกับแม่
วันนี้ตอนนอนดูทีวีกับป๊าม๊า ก็คิดไปพลางว่า...
เวลาแบบนี้จะอยู่ได้อีกยาวนานแค่ไหนกัน
ช่วงเวลาที่แอน ป๊า ม๊า และน้องๆจะได้อยู่ด้วยกัน
พระเจ้าจะให้เวลาอีกสักกี่ปีกัน?
แอนไม่เคยกลัวเรื่องความตายมาก่อนเลย
จนกระทั่งอาม่าแอนเสียไปเมื่อปีที่แล้ว
น้ำตาที่ไหลมาบ่งบอกได้ถึงความเสียใจ
ความเหงาบ่งบอกได้ถึงความคิดถึง
จนแอนอดคิดไม่ได้ว่า...
หากวันใดที่ป๊าม๊าแอนจากไป ตัวแอนจะรับได้มากน้อยแค่ไหน?
แม่มักพูดเสมอ...ว่าพ่อกับแม่มีแต่จะแก่เฒ่าไปตามอายุ
จะให้อยู่เลี้ยงดูลูกตลอดไปก็เป็นไปไม่ได้
ใช่...ตัวเราเองก็เข้าใจในความหมายนั้นดี
แต่ก็ยังคงกลัวการพรากจากนั้นอยู่ดี...
เวลาแบบนี้จะอยู่ได้อีกยาวนานแค่ไหนกัน
ช่วงเวลาที่แอน ป๊า ม๊า และน้องๆจะได้อยู่ด้วยกัน
พระเจ้าจะให้เวลาอีกสักกี่ปีกัน?
แอนไม่เคยกลัวเรื่องความตายมาก่อนเลย
จนกระทั่งอาม่าแอนเสียไปเมื่อปีที่แล้ว
น้ำตาที่ไหลมาบ่งบอกได้ถึงความเสียใจ
ความเหงาบ่งบอกได้ถึงความคิดถึง
จนแอนอดคิดไม่ได้ว่า...
หากวันใดที่ป๊าม๊าแอนจากไป ตัวแอนจะรับได้มากน้อยแค่ไหน?
แม่มักพูดเสมอ...ว่าพ่อกับแม่มีแต่จะแก่เฒ่าไปตามอายุ
จะให้อยู่เลี้ยงดูลูกตลอดไปก็เป็นไปไม่ได้
ใช่...ตัวเราเองก็เข้าใจในความหมายนั้นดี
แต่ก็ยังคงกลัวการพรากจากนั้นอยู่ดี...
วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
Lucky Number#13
วันนี้ได้รับกระดาษให้เขียนชื่อโครงการ Thesis
ก็หยิบปากกาขึ้นมาเตรียมจะเขียน แต่ก็โดนเอมี่เบรกไว้เสียก่อน
เพราะแอนกำลังจะเขียนชื่อตัวเองลงในช่องเบอร์ 13
แปลกไหม...ว่าเพราะอะไรถึงต้องลังเล?
กับอีแค่เขียนชื่อตัวเองลงไปในช่องหมายเลข 13
ทั้งๆที่คนตั้งชื่อให้มันว่า Lucky Number
แต่เรากลับกลัวเลขนี้ และพยายามหลีกเลี่ยงมัน
เท่าที่แอนได้หาคำตอบกับตัวเอง
ก็สรุปได้ว่า...
มันอาจเป็นความเชื่อ และการเล่าต่อกันมาของตัวเลขนี้
ทำให้มันเกิดความฝังใจ และมีความหวาดกลัวต่อตัวเลขนั้น
ทั้งๆที่เราก็ไม่รู้เสียหน่อย ว่าตัวเลขนี้มันอาถรรพ์จริงแท้แค่ไหน
แม้ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่นะคะ
แล้วผลสุดท้าย...แอนก็เลือกเขียนชื่อตัวเองในช่องเบอร์อื่น
ที่ไม่ใช่หมายเลข "13"
ก็หยิบปากกาขึ้นมาเตรียมจะเขียน แต่ก็โดนเอมี่เบรกไว้เสียก่อน
เพราะแอนกำลังจะเขียนชื่อตัวเองลงในช่องเบอร์ 13
แปลกไหม...ว่าเพราะอะไรถึงต้องลังเล?
กับอีแค่เขียนชื่อตัวเองลงไปในช่องหมายเลข 13
ทั้งๆที่คนตั้งชื่อให้มันว่า Lucky Number
แต่เรากลับกลัวเลขนี้ และพยายามหลีกเลี่ยงมัน
เท่าที่แอนได้หาคำตอบกับตัวเอง
ก็สรุปได้ว่า...
มันอาจเป็นความเชื่อ และการเล่าต่อกันมาของตัวเลขนี้
ทำให้มันเกิดความฝังใจ และมีความหวาดกลัวต่อตัวเลขนั้น
ทั้งๆที่เราก็ไม่รู้เสียหน่อย ว่าตัวเลขนี้มันอาถรรพ์จริงแท้แค่ไหน
แม้ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่นะคะ
แล้วผลสุดท้าย...แอนก็เลือกเขียนชื่อตัวเองในช่องเบอร์อื่น
ที่ไม่ใช่หมายเลข "13"
วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552
ทำไม?

หรือใช้ประโยค "คำถาม" กี่รอบ
หรือเป็นแค่ตัวแอนเองก็ไม่รู้ที่ชอบใช้คำว่า 'ทำไม'
มองอะไรๆก็สงสัยไปหมด...
ทำไมอากาศร้อนอย่างนี้?
ทำไมห้องเรียนหนาวจัง?
ทำไมยังไม่เลิกเรียนอีกนะ?
ทำไม..ทำไม..ทำไม...?
น่าแปลกที่คำถามพวกนี้แอนพูดออกมา แต่ไม่หวังอยากได้คำตอบ
เพราะคงไม่มีใครคอยตอบหรอกว่าทำไมอากาศร้อน ทำไมแอร์เย็น
มันเหมือนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ก็ยังอดพูดไม่ได้ ไม่เข้าใจตัวเองเลย
บางทีก็คิดว่าคนอื่นๆจะเป็นเหมือนเราบ้างไหมนะ
ที่ดันมาสะกิดใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้?
ว่าไปนั่น...สรุปแล้วมันอาจเป็นแค่ความเคยชินในชีวิตประจำวันก็ได้
วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552
เที่ยว at TCDC

วันนี้ไป TCDC เพื่อดูงานสำหรับเขียนรายงานวิชา Issue
และเพื่อหาความสร้างสรรค์เข้าหัวอันน้อยนิดของตัวเอง
ไปถึงก็ได้เจองานหลายๆงานทั้งที่น่าสนใจ และที่น่าแปลกใจในไอเดียของคนทำ
แต่ที่ชอบที่สุดในบรรดางานทั้งหมด คือ
งานเกี่ยวกับการตัดกระดาษที่มีรากฐานมาจากประเทศจีน
ซึ่งปัจจุบันวิธีการทำนี้เริ่มจางหายไปแล้ว
คนทำได้นำเอาวิธีการตัดกระดาษมาผนวกกับการออกแบบในคอมพิวเตอร์
ทำให้การขยายสัดส่วนและการลงสีง่ายขึ้น
แถมยังได้ลวดลายหลากหลายจากการพับ และตัดอีกด้วย
ซึ่งนี่ก็เป็นอีกวิธีที่เราสามารถทำได้ง่ายๆ
วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552
นอกรอบ #3 เจ้าปลาทอง

เคยสังเกตมั้ยว่าเวลาให้อาหารปลาทองทีไร มันก็จะกินๆๆ
มีคนเคยบอกไว้ว่า ปลาทอง น่ะ มันจำไม่ได้หรอกว่ามันกินอาหารไปเมื่อไหร่
เพราะฉะนั้นเวลาเราให้อาหารมันเวลาใด มันก็จะกินๆๆ
แล้วถ้าให้เยอะเกินไป ก็จะเหมือนชูชกที่ท้องแตกตาย
ดังนั้นคนเราจึงเอาศัพท์คำว่า "ปลาทอง" ไว้ใช้กับพวกคนที่ขี้ลืม
ซึ่งแอนก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีฉายาว่า "ปลาทอง"
ส่วนหนึ่งก็มีคนชื่นชม เพราะเวลาใครมาปรึกษาอะไร เขาก็จะสบายใจ
ว่า...ที่มันพูดๆปรึกษามา พอผ่านพ้นวันนั้นไป แอนก็ลืมแล้ว...
อันนี้ไม่รู้ว่าดีสำหรับมัน ที่แอนสามารถรักษาความลับไว้ได้
หรือดีสำหรับแอนกันแน่ ที่ไม่ต้องมานั่งปวดหัวเรื่องของคนอื่น...
แต่ในทางกลับกัน แอนมักลืมของนู่นนี่นั่นเป็นประจำ
โดยเฉพาะเวลากลับบ้านทุกวันเสาร์ หรือ อาทิตย์
ไม่ลืมแว่นสายตา ก็ต้องลืมที่ชาร์ตแบตมือถือ หรือไม่ก็ลืมมันทั้งคู่
จนแม่บ่นประจำ ว่า "เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมขี้ลืมซะแล้ว แก่ไปจะทำยังไง?"
เออ...จริง...แก่ไปชั้นมิจำอะไรไม่ได้เลยรึไง คิดแล้วก็ปวดหมอง
ไหนมีโฆษณาบอกกินแบรนด์ซุบไก่แล้วจะฉลาด ความจำดี
ดื่มไปก็หลายขวด เม็ดยาก็อัดซะหลายเม็ด ก็ยังลืม!
หรือเพราะความขี้ลืมมันซึมเข้าสู่กระแสเลือดซะแล้วก็ไม่รู้ (เฮ้อ!)
ถึงแม้จะใช้โน้ตแปะกันลืมของก็แล้ว แต่ยังมิวายซวยซ้ำซวยซ้อน
ลืมอ่านโน้ตที่แปะไว้ !!
เห้อ...ชีวิตหนอชีวิต
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...การปลง ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้เราสบายใจ อาเมน!...
วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552
คนเบื้องหลัง
เคยหยิบรูปถ่ายที่ถ่ายกับครอบครัว กับเพื่อนฝูงเมื่อครั้งอดีตมาดูบ้างไหม?
ในเดือนๆหนึ่งอย่างน้อยก็น่าจะซักครั้งสองครั้ง
เพราะบางทีเราอาจจะ 'ลืม' ติดต่อใครบางคนไป
อาจลืมติดต่อ 'พ่อ แม่' เพราะยังคงสนุกสนานอยู่กับเพื่อนๆ
อาจลืมติดต่อ 'เพื่อนเก่า' เพราะยังสนุกสนานอยู่กับเพื่อนใหม่
อาจลืมติดต่อ 'คุณครูที่เคยสอน' เพราะยังคงสนุกสนานอยู่กับมหาลัยใหม่
อย่างน้อยก็ควรติดต่อ "คนเบื้องหลัง" ของเราบ้าง
คนเหล่านั้นย่อมเป็นห่วง และคิดถึงเราอยู่เป็นแน่
...อย่าให้วันนี้ทำลายอดีตที่ผูกพันธ์ หมั่นสานสัมพันธ์วันคืนให้ดี...
ที่มา : หลังจากนั่งอ่านไดอารี่และสมุดเฟรนด์ชิฟตอนสมัยมัธยม
ในเดือนๆหนึ่งอย่างน้อยก็น่าจะซักครั้งสองครั้ง
เพราะบางทีเราอาจจะ 'ลืม' ติดต่อใครบางคนไป
อาจลืมติดต่อ 'พ่อ แม่' เพราะยังคงสนุกสนานอยู่กับเพื่อนๆ
อาจลืมติดต่อ 'เพื่อนเก่า' เพราะยังสนุกสนานอยู่กับเพื่อนใหม่
อาจลืมติดต่อ 'คุณครูที่เคยสอน' เพราะยังคงสนุกสนานอยู่กับมหาลัยใหม่
อย่างน้อยก็ควรติดต่อ "คนเบื้องหลัง" ของเราบ้าง
คนเหล่านั้นย่อมเป็นห่วง และคิดถึงเราอยู่เป็นแน่
...อย่าให้วันนี้ทำลายอดีตที่ผูกพันธ์ หมั่นสานสัมพันธ์วันคืนให้ดี...
ที่มา : หลังจากนั่งอ่านไดอารี่และสมุดเฟรนด์ชิฟตอนสมัยมัธยม
วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552
แล้วเธอจะเสียใจที่ทิ้งฉันไป
เวลาเลิกรากับคนรัก ทุกคนย่อมทนอยู่กับความเศร้า
บางคนกินเหล้าเมาหยำเปจนหมาเรียกพี่
บางคนคิดสั้นฆ่าตัวตายแบบไม่เห็นหัวอกคนในครอบครัว
ความรักย่อมมีวันเลิกรา ไม่ว่าจะจบลงด้วยดี หรือ จบลงอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ
บางทีอาจตายจากกันไปอย่างไม่ทันตั้งตัว บางทีอาจตายจากเพราะอายุขัย
แต่วัยรุ่นสมัยนี้ยังมองเพียงมุมมองแคบๆ
บ้างคิดว่าเหล้าช่วยให้ลืม บ้างคิดว่าความตายสามารถจบทุกสิ่ง
เคยคิดบ้างไหม...ว่าที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลยทำให้เขาเลิกรัก...?
ปรับตัวเองเสียใหม่ดีกว่าไหม?
เปลี่ยนให้ดีพอจนเขาเสียดายที่ทิ้งเราไป!
ชีวิตคนเรายังมีอะไรอีกตั้งเยอะแยะ อย่าไปจบเพียงแค่ความรักที่ล้มเหลวเลย
ที่มา : หลังจากฟังเพื่อนโทรมาร้องห่มร้องไห้ว่า 'อกหัก' ทั้งชวนให้ไปกินเหล้าเป็นเพื่อน ทั้งพร่ำร้องว่าอยากตายจะได้ไม่ต้องมาทนเจ็บทนทุกข์อยู่อย่างนี้
บางคนกินเหล้าเมาหยำเปจนหมาเรียกพี่
บางคนคิดสั้นฆ่าตัวตายแบบไม่เห็นหัวอกคนในครอบครัว
ความรักย่อมมีวันเลิกรา ไม่ว่าจะจบลงด้วยดี หรือ จบลงอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ
บางทีอาจตายจากกันไปอย่างไม่ทันตั้งตัว บางทีอาจตายจากเพราะอายุขัย
แต่วัยรุ่นสมัยนี้ยังมองเพียงมุมมองแคบๆ
บ้างคิดว่าเหล้าช่วยให้ลืม บ้างคิดว่าความตายสามารถจบทุกสิ่ง
เคยคิดบ้างไหม...ว่าที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลยทำให้เขาเลิกรัก...?
ปรับตัวเองเสียใหม่ดีกว่าไหม?
เปลี่ยนให้ดีพอจนเขาเสียดายที่ทิ้งเราไป!
ชีวิตคนเรายังมีอะไรอีกตั้งเยอะแยะ อย่าไปจบเพียงแค่ความรักที่ล้มเหลวเลย
ที่มา : หลังจากฟังเพื่อนโทรมาร้องห่มร้องไห้ว่า 'อกหัก' ทั้งชวนให้ไปกินเหล้าเป็นเพื่อน ทั้งพร่ำร้องว่าอยากตายจะได้ไม่ต้องมาทนเจ็บทนทุกข์อยู่อย่างนี้
วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552
ใบเสร็จค่าทางด่วน
ถ้าไม่ได้โจทย์ให้หยิบของที่ 'ชอบ' มา 20 ชิ้น
แอนก็คงไม่ได้นึกถึง 'ช่วงเวลาเก่าๆในวัยเด็ก'
ที่ครั้งหนึ่ง 'ใบเสร็จค่าทางด่วน' นั้น...มีความหมายสำหรับแอนมากเพียงใด...
ในตอนเด็ก...ที่บ้านจะมีพี่เลี้ยงอยู่ 2 คน
ทั้งสองเป็นพี่น้องกันเลยมาทำงานและอาศัยอยู่ที่บ้านแอน
ทั้งคู่จะคอยทำความสะอาดบ้าน และดูแลแอนกับน้องอีกสองคน
ทุกๆเช้าหลังกินอาหารฝีมือพี่เลี้ยงเสร็จ ก็จะมีรถนักเรียนมารับไปโรงเรียน
พอตกเย็นรถนักเรียนก็จะพาพวกเรากลับบ้าน
ฟังดูแล้วเหมือนน่าอิจฉา
แต่สิ่งทีต้องแลกกับความสะดวกสบายพวกนั้นคือ...
แอนกับน้องแทบไม่ได้เจอพ่อ กับ แม่เลยด้วยซ้ำ
เพราะพวกท่านต้องทำงาน กว่าจะกลับก็ค่ำมืด
จนพวกเราพี่น้องเข้านอนพร้อมพี่เลี้ยงไปหมดแล้ว
แอนรู้ว่าที่บ้านแอนไม่ได้มีฐานะร่ำรวย
ไม่มีมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษให้มีกินมีใช้อย่างสุขสบาย
สิ่งที่มีอยู่ทั้งหมดคือน้ำพักของบุคคลที่ได้ชื่อว่า "พ่อ กับ แม่"
พวกท่านต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูพวกแอนและน้องให้ดี
...แต่ก็ยังอดน้อยใจไม่ได้อยู่ดี...
เคยมีครั้งหนึ่งพี่เลี้ยงทั้งสองคนลากลับบ้านที่ต่างจังหวัด
รถนักเรียนก็พาพวกเรามาส่งบ้านตามปกติ
ปรากฎว่า 'บ้านล็อค' ทั้งแอนทั้งน้องต่างก็ไม่มีกุญแจบ้าน ก็ต้องนั่งรออยู่หน้าบ้าน
จะปีนเข้ารั้วบ้านก็ไม่ได้เพราะมันอยู่สูงเกินไป และเป็นรั้วปลายแหลม
นั่งรอไม่รู้กี่ชั่วโมงจนคนตรงข้ามบ้านที่สนิทกับครอบครัวมาเห็นเข้า
จึงพาพวกเราสามพี่น้องไปนั่งรอที่บ้านของเขาจนกว่าป๊ากับม๊าจะกลับมา
เหงานะ เศร้านะ แล้วน้อยใจมากด้วยในช่วงเวลานั้น
ว่าทำไม ป๊า กับ ม๊า ถึงได้เห็นงานสำคัญกว่า ก็อย่างว่านะ...ยังเด็กนิหน่า...
จนมีวันนึง แอนเข้าไปนั่งเล่นที่ห้องทำงานของป๊า กับ ม๊า
ก็ไปเจอกล่องๆหนึ่งที่ใส่พวกใบเสร็จต่างๆไว้ในนั้น
มีทั้งใบเสร็จซื้อของห้างสรรพสินค้า ใบเสร็จค่าอาหารและ'ใบเสร็จค่าทางด่วน'
ในตอนแรกแอนก็ไม่เข้าใจความหมายของมัน
แต่เมื่อลองถาม "แม่" แม่ก็ได้บอก(ทำนอง)ว่า...
ใบนี้นะ...เป็นใบเสร็จที่เราได้จากการจ่ายเงินเพื่อขึ้นทางด่วน
ในนั้นจะบันทึกบอกวัน เดือน ปี และสถานที่ที่เราไป
หลังจากรู้แล้วว่าไอ้ใบนี้มันมีความสำคัญยังไง
แอนก็เริ่มเก็บสะสมจากการ 'รื้อ' ใบเสร็จค่าทางด่วนนี้ออกจากกล่องเก็บใบเสร็จ
เอาแต่ละใบมาแปะไว้ตรงกำแพงห้องนอนของแอนเอง
เพราะหวังว่าอย่างน้อย...ก็จะได้ใกล้ชิดพ่อ กับ แม่อีกสักนิด...
แต่ทั้งหมดนี้ ก็แค่เรื่องในวัยเด็กเท่านั้น
ปัจจุบันบ้านหลังนั้นก็มีคนซื้อไปทุบทิ้งสร้างใหม่แล้ว
และตอนนี้ป๊า กับ ม๊า ก็ได้ให้ 'เวลา' อย่างเต็มที่กับพวกแอนแล้ว
โดยเลิกทำงานก่อนหน้านี้ แล้วหันมาทำธุรกิจที่บ้านแทน
ที่มา : เรื่องราวในวัยเด็ก กับ 'ใบเสร็จค่าทางด่วน'
แอนก็คงไม่ได้นึกถึง 'ช่วงเวลาเก่าๆในวัยเด็ก'
ที่ครั้งหนึ่ง 'ใบเสร็จค่าทางด่วน' นั้น...มีความหมายสำหรับแอนมากเพียงใด...
ในตอนเด็ก...ที่บ้านจะมีพี่เลี้ยงอยู่ 2 คน
ทั้งสองเป็นพี่น้องกันเลยมาทำงานและอาศัยอยู่ที่บ้านแอน
ทั้งคู่จะคอยทำความสะอาดบ้าน และดูแลแอนกับน้องอีกสองคน
ทุกๆเช้าหลังกินอาหารฝีมือพี่เลี้ยงเสร็จ ก็จะมีรถนักเรียนมารับไปโรงเรียน
พอตกเย็นรถนักเรียนก็จะพาพวกเรากลับบ้าน
ฟังดูแล้วเหมือนน่าอิจฉา
แต่สิ่งทีต้องแลกกับความสะดวกสบายพวกนั้นคือ...
แอนกับน้องแทบไม่ได้เจอพ่อ กับ แม่เลยด้วยซ้ำ
เพราะพวกท่านต้องทำงาน กว่าจะกลับก็ค่ำมืด
จนพวกเราพี่น้องเข้านอนพร้อมพี่เลี้ยงไปหมดแล้ว
แอนรู้ว่าที่บ้านแอนไม่ได้มีฐานะร่ำรวย
ไม่มีมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษให้มีกินมีใช้อย่างสุขสบาย
สิ่งที่มีอยู่ทั้งหมดคือน้ำพักของบุคคลที่ได้ชื่อว่า "พ่อ กับ แม่"
พวกท่านต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูพวกแอนและน้องให้ดี
...แต่ก็ยังอดน้อยใจไม่ได้อยู่ดี...
เคยมีครั้งหนึ่งพี่เลี้ยงทั้งสองคนลากลับบ้านที่ต่างจังหวัด
รถนักเรียนก็พาพวกเรามาส่งบ้านตามปกติ
ปรากฎว่า 'บ้านล็อค' ทั้งแอนทั้งน้องต่างก็ไม่มีกุญแจบ้าน ก็ต้องนั่งรออยู่หน้าบ้าน
จะปีนเข้ารั้วบ้านก็ไม่ได้เพราะมันอยู่สูงเกินไป และเป็นรั้วปลายแหลม
นั่งรอไม่รู้กี่ชั่วโมงจนคนตรงข้ามบ้านที่สนิทกับครอบครัวมาเห็นเข้า
จึงพาพวกเราสามพี่น้องไปนั่งรอที่บ้านของเขาจนกว่าป๊ากับม๊าจะกลับมา
เหงานะ เศร้านะ แล้วน้อยใจมากด้วยในช่วงเวลานั้น
ว่าทำไม ป๊า กับ ม๊า ถึงได้เห็นงานสำคัญกว่า ก็อย่างว่านะ...ยังเด็กนิหน่า...
จนมีวันนึง แอนเข้าไปนั่งเล่นที่ห้องทำงานของป๊า กับ ม๊า
ก็ไปเจอกล่องๆหนึ่งที่ใส่พวกใบเสร็จต่างๆไว้ในนั้น
มีทั้งใบเสร็จซื้อของห้างสรรพสินค้า ใบเสร็จค่าอาหารและ'ใบเสร็จค่าทางด่วน'
ในตอนแรกแอนก็ไม่เข้าใจความหมายของมัน
แต่เมื่อลองถาม "แม่" แม่ก็ได้บอก(ทำนอง)ว่า...
ใบนี้นะ...เป็นใบเสร็จที่เราได้จากการจ่ายเงินเพื่อขึ้นทางด่วน
ในนั้นจะบันทึกบอกวัน เดือน ปี และสถานที่ที่เราไป
หลังจากรู้แล้วว่าไอ้ใบนี้มันมีความสำคัญยังไง
แอนก็เริ่มเก็บสะสมจากการ 'รื้อ' ใบเสร็จค่าทางด่วนนี้ออกจากกล่องเก็บใบเสร็จ
เอาแต่ละใบมาแปะไว้ตรงกำแพงห้องนอนของแอนเอง
เพราะหวังว่าอย่างน้อย...ก็จะได้ใกล้ชิดพ่อ กับ แม่อีกสักนิด...
แต่ทั้งหมดนี้ ก็แค่เรื่องในวัยเด็กเท่านั้น
ปัจจุบันบ้านหลังนั้นก็มีคนซื้อไปทุบทิ้งสร้างใหม่แล้ว
และตอนนี้ป๊า กับ ม๊า ก็ได้ให้ 'เวลา' อย่างเต็มที่กับพวกแอนแล้ว
โดยเลิกทำงานก่อนหน้านี้ แล้วหันมาทำธุรกิจที่บ้านแทน
ที่มา : เรื่องราวในวัยเด็ก กับ 'ใบเสร็จค่าทางด่วน'
วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552
น้ำตาจากฟากฟ้า
บรรยากาศอึมครึม ท้องฟ้าสีหม่นดูแล้วรู้สึกหมองหม่นชะมัด
ไม่ชอบเลยบรรยากาศแบบนี้ มันดูน่าเศร้า น่าหดหู่ อยากร้องไห้
เคยมีเพื่อนบอกไว้ว่า 'ฝน' ที่ตกลงมา คือ 'น้ำตาจากสวรรค์'
...สวรรค์กำลังร่ำไห้...
บางอารมณ์ก็รู้สึกว่ามันฟังดูแล้วช่างโรแมนติก
แต่อีกอารมณ์ก็อาจจะรู้สึกเช่นเดียวกับสวรรค์
สายฝนแม้จะชุ่มชื่น เย็นสบาย แต่ในอีกแง่มันก็ทำให้เปียกปอน
เมื่ออยู่กับเพื่อน แอนมักรู้สึกสนุกเมื่อเจอเวลาฝนตก
เพราะเราจะได้วิ่งฝ่าน้ำฝนเหล่านี้หลบใต้อาคารเรียนไปเรื่อยๆ
หรือไม่ก็ยืนหลบฝนแล้วเล่าพูดคุยหัวเราะให้กัน
แต่เมื่ออยู่คนเดียว...ก็ต้องหวนไปนึกถึงอดีตที่ยากจะลืมเลือน...
ที่มา : วันนี้คือวันครบรอบวันตาย 1 ปีของอาม่า วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกเช่นเดียวกับวันนี้ ฝนในวันนั้นไม่ได้ตกหนัก เพียงแค่ตกพรำๆ แต่ไม่ว่ายังไง มันก็ยังเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับแอนอยู่ดี...
ไม่ชอบเลยบรรยากาศแบบนี้ มันดูน่าเศร้า น่าหดหู่ อยากร้องไห้
เคยมีเพื่อนบอกไว้ว่า 'ฝน' ที่ตกลงมา คือ 'น้ำตาจากสวรรค์'
...สวรรค์กำลังร่ำไห้...
บางอารมณ์ก็รู้สึกว่ามันฟังดูแล้วช่างโรแมนติก
แต่อีกอารมณ์ก็อาจจะรู้สึกเช่นเดียวกับสวรรค์
สายฝนแม้จะชุ่มชื่น เย็นสบาย แต่ในอีกแง่มันก็ทำให้เปียกปอน
เมื่ออยู่กับเพื่อน แอนมักรู้สึกสนุกเมื่อเจอเวลาฝนตก
เพราะเราจะได้วิ่งฝ่าน้ำฝนเหล่านี้หลบใต้อาคารเรียนไปเรื่อยๆ
หรือไม่ก็ยืนหลบฝนแล้วเล่าพูดคุยหัวเราะให้กัน
แต่เมื่ออยู่คนเดียว...ก็ต้องหวนไปนึกถึงอดีตที่ยากจะลืมเลือน...
ที่มา : วันนี้คือวันครบรอบวันตาย 1 ปีของอาม่า วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกเช่นเดียวกับวันนี้ ฝนในวันนั้นไม่ได้ตกหนัก เพียงแค่ตกพรำๆ แต่ไม่ว่ายังไง มันก็ยังเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับแอนอยู่ดี...
วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552
โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
เคยนึกเสมอว่าโลกเรานั้นมีอะไรที่เรียกว่า 'พอดี' ได้บ้าง
แม้ 1+1=2 แต่ 2+0 ก็ =2 เหมือนกัน
พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาเพียงแค่ 2 เพศ คือ ชาย และ หญิง
แต่ทำไมยังมีเพศที่ 3 โผล่ขึ้นมาได้ก็ไม่รู้
เท่านี้ก็เห็นได้แล้วว่า 'โลกเราไม่มีอะไรแน่นอน'
สิ่งที่เราคิดอยู่ อาจถูกหรือผิดก็ได้
ถ้าโลกเราไม่มีอะไรแน่นอน แล้วความแน่นอนนั้นคืออะไร?
คำตอบก็คือ ทัศนคติของแต่ละคนที่บ่มเพาะจากประสบการณ์
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรอย่าตัดสินอะไรจากเพียงเท่าที่ตาเราเห็น เท่าที่เราได้รับฟัง
เพราะ 'โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน'
สิ่งที่เราได้เห็น สิ่งที่เราได้ยิน สิ่งที่เราได้ฟัง อาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมดก็ได้
แม้ 1+1=2 แต่ 2+0 ก็ =2 เหมือนกัน
พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาเพียงแค่ 2 เพศ คือ ชาย และ หญิง
แต่ทำไมยังมีเพศที่ 3 โผล่ขึ้นมาได้ก็ไม่รู้
เท่านี้ก็เห็นได้แล้วว่า 'โลกเราไม่มีอะไรแน่นอน'
สิ่งที่เราคิดอยู่ อาจถูกหรือผิดก็ได้
ถ้าโลกเราไม่มีอะไรแน่นอน แล้วความแน่นอนนั้นคืออะไร?
คำตอบก็คือ ทัศนคติของแต่ละคนที่บ่มเพาะจากประสบการณ์
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรอย่าตัดสินอะไรจากเพียงเท่าที่ตาเราเห็น เท่าที่เราได้รับฟัง
เพราะ 'โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน'
สิ่งที่เราได้เห็น สิ่งที่เราได้ยิน สิ่งที่เราได้ฟัง อาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมดก็ได้
วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552
กลางคืนที่น่าสงสาร...

เมื่อพูดถึง "กลางวัน" เรามักนึกถึง "แสงสว่าง"
เมื่อพูดถึง "กลางคืน" เรามักนึกถึง "ความมืด"
ทำไมคนเรามักกลัวกลางคืน?
...เพราะกลางคืนมีความมืดเข้าปกคลุมงั้นหรือ...
ทำไมเวลาพูดถึงเรื่องผีสางตอนกลางวันกลับดูไม่น่ากลัวเท่ากลางคืน?
...เพราะบรรยากาศที่วังเวงและเงียบเหงางั้นหรือ...
หรือเพราะกลางคืนเป็นช่วงที่ทุกคนอยู่ในห้วงนิทรา
เลยทำให้ช่วงเวลานี้ดูราวกับไร้ผู้คนเมื่อเทียบกับกลางวัน?
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง...กลางคืนก็น่าสงสาร...
กลางวันได้เห็นผู้คนมากมายใช่ชีวิตภายใต้แสงอาทิตย์
แต่กลางคืนกลับเห็นเพียงหลังคาบ้านของผู้คนที่อยู่ในช่วงนิทรา
กลางวันได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของผู้คน
แต่กลางคืนกลับเห็นคนหวาดกลัวกับความมืดมากกว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ถ้ากลางวัน กับ กลางคืน มีหัวใจ...
กลางวันคงเปรียบได้กับเด็กที่ร่าเริงสดใสเฉกเช่นดวงอาทิตย์
และกลางคืนคงเปรียบได้กับเด็กที่เงียบเหงา แลดูอ้างว้างโดดเดี่ยว
ทั้งกลางวันและกลางคืนเปรียบดั่งเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้
ทั้งสองเพียงแค่ทำหน้าที่ผลัดกันวันละ 12 ชม. เพื่อให้โลกนี้สมดุล
แต่ไม่ว่ายังไง...ฉันก็ยังสงสารกลางคืนอยู่ดี...
ที่มา : ตอนนั่งทำงานเสนอ Degree Project เบื้องหน้าเป็นหน้าต่างที่มีแต่ความมืดปกคลุมจนตัวเองรู้สึกกลัวความมืดนั้น แต่อีกใจก็คิดไปว่า หากกลางคืนมีชีวิต...มันก็คงน่าเศร้าใจไม่ใช้น้อย เพราะใครๆต่างก็กลัวความมืดที่กลางคืนหยิบยื่นให้
เมื่อพูดถึง "กลางคืน" เรามักนึกถึง "ความมืด"
ทำไมคนเรามักกลัวกลางคืน?
...เพราะกลางคืนมีความมืดเข้าปกคลุมงั้นหรือ...
ทำไมเวลาพูดถึงเรื่องผีสางตอนกลางวันกลับดูไม่น่ากลัวเท่ากลางคืน?
...เพราะบรรยากาศที่วังเวงและเงียบเหงางั้นหรือ...
หรือเพราะกลางคืนเป็นช่วงที่ทุกคนอยู่ในห้วงนิทรา
เลยทำให้ช่วงเวลานี้ดูราวกับไร้ผู้คนเมื่อเทียบกับกลางวัน?
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง...กลางคืนก็น่าสงสาร...
กลางวันได้เห็นผู้คนมากมายใช่ชีวิตภายใต้แสงอาทิตย์
แต่กลางคืนกลับเห็นเพียงหลังคาบ้านของผู้คนที่อยู่ในช่วงนิทรา
กลางวันได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของผู้คน
แต่กลางคืนกลับเห็นคนหวาดกลัวกับความมืดมากกว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ถ้ากลางวัน กับ กลางคืน มีหัวใจ...
กลางวันคงเปรียบได้กับเด็กที่ร่าเริงสดใสเฉกเช่นดวงอาทิตย์
และกลางคืนคงเปรียบได้กับเด็กที่เงียบเหงา แลดูอ้างว้างโดดเดี่ยว
ทั้งกลางวันและกลางคืนเปรียบดั่งเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้
ทั้งสองเพียงแค่ทำหน้าที่ผลัดกันวันละ 12 ชม. เพื่อให้โลกนี้สมดุล
แต่ไม่ว่ายังไง...ฉันก็ยังสงสารกลางคืนอยู่ดี...
ที่มา : ตอนนั่งทำงานเสนอ Degree Project เบื้องหน้าเป็นหน้าต่างที่มีแต่ความมืดปกคลุมจนตัวเองรู้สึกกลัวความมืดนั้น แต่อีกใจก็คิดไปว่า หากกลางคืนมีชีวิต...มันก็คงน่าเศร้าใจไม่ใช้น้อย เพราะใครๆต่างก็กลัวความมืดที่กลางคืนหยิบยื่นให้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)